วันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2559

เรื่องป่วยๆของเด็กหน้าหนาว

ช่วงนี้อากาศหนาวเด็กๆเป็น rhinite หรือ โรคโพรงจมูกอักเสบ หรือไม่ bronchite โรคหลอดลมอักเสบ หรือ otite โรคหูอักเสบ กันเยอะ มีคำแนะนำและความรู้มาฝาก เพราะเด็กๆเป็นทุกปี เป็นนาน เป็นแล้วเป็นอีก เด็กๆที่บ้านเป็นพวก hyper sensitive หรือพวกประสาทรับความรู้สึกไว จึงชอบที่จะเอาโรคพวกนี้มาบ่อยครั้ง ขอออกตัวไว้ก่อนว่าตนเองไม่ใช่แพทย์แต่อาศัยที่ว่าเจอแพทย์บ่อยมาก จึงรวบรวมคำแนะนำของหมอมาฝากค่ะ โปรดใช้วิจารณญานนะคะ

ขอเขียนเฉพาะเด็กที่อายุ 4 ขวบขึ้นไป โดยมากน่าจะสั่งน้ำมูกเป็นแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องเคาะปอด สาเหตุคือมีเสมหะอุดตันทำให้เกิดอาการไอ หมอชอบใช้วิธีการรักษาง่ายๆก่อนคือการล้างจมูกให้ถูกต้อง หมอมักจะนิยมให้ยา pivalone มาพ่นเพื่อขยายโพรงจมูก ร่วมกับการล้างจมูก บางทีก็จะเป็น Nasonex ซึ่งจะแรงกว่า Pivalone เด็กๆใช้ Pivalone จะดีกว่า พยายามอย่าใช้เกินวันที่หมอเขียนกำกับมา ต่อมาเรามาดูวิธีล้างจมูกให้ได้ผลกัน หมอโสต ( ORL) และนักกายภาพ (kiné)เฉพาะทางจมูก ทั้งสองคนเขาเป็นทีมที่อยู่ในโรงพยาบาลสำหรับการทำวิจัยทางด้านโสต ภูมิแพ้โดยเฉพาะ เขาแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ล้างจมูกแบบใหม่ (เพิ่งมีได้ประมาณ 1-2 ปี) เรียกว่า Respimer Kit d'irrigation nasale  ข้อได้เปรียบของอุปกรณ์ตัวนี้คือสามารถล้างจมูกเข้าไปถึงโพรงลึกได้ดีกว่าพวกสเปรย์ล้างจมูกด้วยน้ำทะเลแบบธรรมดา ซึ่งตัวน้ำแร่เมื่อหมดแล้วเราสามารถผสมเองที่บ้านก็ได้โดยใช้น้ำ 1.5 ลิตร ต้มกับเกลือทะเลเม็ดใหญ่ 3 ช้อนชา (ปาดให้แบนๆ) และ bicarbonate (ที่ใช้ทำขนม) ครึ่งช้อนชา ต้มให้สุกทิ้งไว้จนเย็นเก็บไว้ในตู้เย็น เวลาจะใช้ให้อุ่นด้วยไมโครเวฟ ความร้อน 650 W 10-20 วินาที สูตรนี้ก็เป็นสูตรทั่วไปในสเปรย์ฉีดล้างจมูกแค่ไม่ได้ใส่ bicarbonate bicarbonate มีฤทธิ์เป็นยาชาอ่อนๆ ล้างจมูกให้ทำวันละ 2 ครั้ง และต้องเช็ดให้แห้งทุกครั้งไม่อย่างนั้นเส้นเลือดฝอยในโพรงจมูกอาจจะแตกได้
หลังจากนั้นถ้าที่บ้านมี thym ให้ต้มจนเดือด แล้วเอาผ้าขนหนูคลุมหัวสูดไอระเหย thym มีฤทธิ์เป็นยาชาอ่อน ทำ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอน จมูกจะโล่ง

                                              Respimer Kit d'irrigation nasale

ถ้าเด็กไข้ขึ้นๆลงๆหมอไม่ชอบที่จะให้ยาปฎิชีวนะ คำว่าไข้หมอที่นี่จะวัดไม่เหมือนที่ไทย ที่นี่เราจะเรียกว่ามีไข้เมื่อมีอุณหภูมิ 38.5 °C ขึ้นไป ถ้าภายใน 48 ชั่วโมงไข้ไม่ลด หลังจากให้ พาราเซตามอล หรือ Doliprane แล้ว ไข้เริ่มพุ่งไป 39 °C คือควรพบหมอ แต่ถ้าเกิน 40 °C ไม่ลดลงเลยหลังจากให้พารา ควรพบหมอโดยด่วนเพราะมีอาการติดเชื้อ อาจจะชักได้ ถ้ารอแผนกฉุกเฉินไม่ไหว ให้โทรหา samu ถ้าไม่ดึกมากให้โทรหา Médecin de garde ใกล้บ้าน คิวน้อยกว่าแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลเยอะ
ไม่ควรให้ยาไอบูโพรเฟน หรือ Advil กับเด็กเพราะจะทำให้เด็กติดเชื้อได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะเด็กเล็ก หมอหลายท่านหรือเภสัชมักจะแนะนำให้ใช้ doliprane สลับกับ advil เพื่อลดไข้ แต่หมอโสต (ORL) ของดิฉันที่พบมาทุกคนบอกว่าห้ามเด็ดขาด ให้ใช้พาราอย่างเดียว

ถ้าเด็กมีอาการไอขนาดหนักปกติ ไม่มีไข้ เริ่มมีอาการหอบ หมอจะให้ยาพ่นเข้าปาก พวก ventoline ถ้าเริ่มส่อว่าจะติดเชื้อ ไอจนคอแดง มักจะให้ CÉLESTÈNE หรือ Bétaméthasone เป็นแบบหยด ถือเป็นยาสเตียรอยด์ บางทีก็ให้เป็น Solupred หรือ Prednisolone แต่ยากลุ่มพวกนี้ ผลข้างเคียงเยอะ มักจะให้แค่ 2 วัน ผลข้างเคียงคือเด็กจะกระวนกระวาย นอนไม่หลับ โมโหและหงุดหงิดง่าย มักจะให้ยานี้ตอนเช้าเพียงครั้งเดียว

 **ห้ามใช้ solupred คู่กับ CÉLESTÈNE****

บางทีก็จะเป็นยาที่ใช้พ่นโดยที่ต้องใช้เครื่องพ่นยา aérosol ยาที่ใช้คือ Budésonide หรือ Pulmicort เพื่อยาจะได้เข้าถึงปอด ระบบทางเดินหายใจ เป็นยากลุ่มสเตียรอยด์อีกตัว มักนิยมใช้หลังจากให้ CÉLESTÈNE ยาตัวนี้ลดบวม ลดการไอ มักจะเห็นผลหลังจากวันที่ 4-5 ให้ประมาณ 10-15 วัน

                                                                    เครื่องพ่นยา Aérosol



ถ้าเด็กมีอาการปวดมาก โดยเฉพาะพวกที่เป็นหูอักเสบ หรือ Otite ขอให้คุณแม่จำให้มั่นว่าอย่าใช้ advil เพราะ advil ทำให้เกิดการติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น ถ้าเด็กปวดมาก หมอมักจะให้ยาระงับปวดระดับ 2 พวก Tramadol เป็นแบบหยด ยาตัวนี้เป็นยาแรง ไม่สมควรให้เอง ต้องปรึกษาหมอหรือเภสัช ปกติถ้าปวดมากจะให้เพียง 2 วัน ห้ามกินร่วมกับยาบางชนิด เพราะอาจจะเสริมฤทธิ์ยาให้แรงขึ้น

**ห้ามใช้ advil คู่กับ Tramadol***

ยาแก้ไอ แบบน้ำเชื่อมเขามักจะไม่ให้ใช้ในเด็ก เขาให้เหตุผลว่ามันไม่ได้ผล และยาแก้ไอแบบน้ำเชื่อม CPAM ทยอยเอาออกในรายชื่อยาที่สามารถเคลมเงินอีกด้วย ดังนั้นแม่ๆไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมหมอถึงไม่จ่าย ยาแก้ไอบางตัวทำให้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะพวกมีอาการหลอดลมอักเสบ หรือ Bronchite
ถ้าเด็กเป็นโรคพวกนี้บ่อยครั้ง แพทย์มักจะแนะนำให้พบหมอโสตหรือ ORL เพื่อจะทำการเอาต่อม végétation adénoïde หรือต่อมอะดีนอยด์ออก ต่อมอะดีนอยด์สามารถงอกใหม่ได้ หากเด็กมีอาการกรนหรือหายใจลำบากเมื่อเป็นหวัด หรือการฝัง diabolos หรือ aérateur transtympanique ภาษาอังกฤษเรียกท่อนี้ว่า Tympanostomy tubes เป็นท่อพลาสติกตรงเยื่อแก้วหู เพื่อระบายอากาศหรือน้ำในช่องหู ชั้นกลางมายังหูชั้นนอก เมื่อเด็กเป็นโรคหูอักเสบบ่อยๆหรือมีปัญหาความดันในหู แพทย์มักใช้วิธีนี้ในการรักษา ท่อนี้จะหลุดใน 6-12 เดือน

https://www.youtube.com/watch?v=THlGmQBhMKc

สามารถอ่านข้อมูลภาษาไทยได้ที่นี่
http://siamhealth.net/public_ht…/…/eye_ent/Tympanostomy.html

 
ถ้าไข้ขึ้นสูงมาก บางทีมันเกิดจากเชื้อไวรัส หมอรักษาแบบประคับประคองเพราะไม่มียาปฎิชีวนะ แต่ถ้าติดเชื้อจากแบคทีเรีย ก็จะให้ amoxicilline ซึ่งถ้าเป็นพวก bronchite หรือหลอดลมอักเสบในฤดูหนาว เจ็บคอเฉยๆ หมอมักจะไม่ให้ amoxicilline เพราะค้นพบว่ามันไม่ได้ผล พวกนี้ต้องรอหายเอง 1-2 สัปดาห์ หรือแม่ๆต้องทำใจ

สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ titre de séjour

สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ titre de séjour 

1. ถ้าคุณออกจากประเทศฝรั่งเศสเป็นระยะเวลากว่าสามปีติดต่อกัน titre de séjour ก็จะถูกยกเลิกโดยอัตโนมัติ

2. ในกรณีที่ titre de séjour หายในขณะที่อยู่ในต่างประเทศและต้องการกลับเข้ามาฝรั่งเศสใหม่ ต้องขอ visa de retour จากสถานฑูตฝรั่งเศส

3. ในกรณีที่ถือ récépissé de demande de titre de séjour สำหรับการขอบัตรใบแรกหากต้องการออกนอกเขตเช้งเก้นสามารถกระทำได้ แต่จะต้องขอ visa de retour เข้ามาใหม่ จาก la préfecture ที่คุณถือบัตรอยู่

4. มี titre de séjour จากประเทศอื่นในเชงเก้น ต้องการตั้งรกรากในฝรั่งเศส จะต้องถือวีซ่าระยะยาวมาก่อน สามารถอาศัยอยู่ได้ 3 เดือนแล้วจะต้องเปลี่ยนเป็น titre de séjour ของฝรั่งเศส ยกเว้น titre de séjour ของสเปน (permiso de residencia) หากถือบัตรอายุ 2 ปี ไม่ถือว่าเป็นการถือวีซ่าระยะยาว ให้นับจากบัตร 5 ปี กรณีแต่งงานกับพลเมืองยุโรปจะได้ titre de séjour มีอายุอย่างมากที่สุด 5 ปี อาจจะให้แค่ 1 ปีในปีแรกก็ได้แล้วแต่เขต

วันพุธที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เรื่องการแจ้งที่พักคนต่างด้าว นับในกรณีที่มาพักชั่วคราวไม่เกิน 30 วัน

เรื่องการแจ้งที่พักคนต่างด้าว นับในกรณีที่มาพักชั่วคราวไม่เกิน 30 วัน ถ้าเกินจากนั้นคนเขียนไม่ทราบค่ะ เพราะไม่ได้ถามมา กฎหมายนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่มีมาตั้งแต่ปี 2522 อันเนื่องมาจากความมั่นคง โดยปกติแล้วผู้ประกอบการสถานที่พักจะเป็นผู้แจ้งกับตม.ว่ามีคนต่างด้าวมาพัก แต่ส่วนใหญ่ที่ไม่ทราบกันคือกรณีที่คนต่างด้าวมาพักที่บ้านนั้น เจ้าบ้าน (ตามทะเบียนบ้าน) ต้องเป็นผู้แจ้งตม. ซึ่งหลายๆคนคิดว่าในเมื่อเวลาผ่านตม.แล้ว คนต่างด้าวก็เขียนแจ้งที่อยู่ลงในใบตม.แล้ว (แบบตม.6 สีขาว) ก็น่าจะเพียงพอ แต่ไม่ใช่ค่ะ เพราะในใบตม.6 จะระบุที่พักวันแรกที่คนต่างด้าวเข้ามายังในประเทศไทย ดังนั้น เจ้าบ้าน (ตามทะเบียนบ้าน) ต้องมีหน้าที่แจ้งตม.ภายใน 24 ชั่วโมง วิธีแจ้งคือ
1. เจ้าบ้านต้องมาแจ้งด้วยตนเองหรือให้ผู้อื่นมาแจ้งให้ก็ได้ ถ้าเจ้าบ้านไม่ได้มาเอง ก็ต้องนำบัตรประชาชนของเจ้าบ้านมาด้วย ส่วนลายเซ็นต์ในใบแจ้ง ผู้เขียนไม่ได้ถามว่าคนอื่นเซ็นได้หรือไม่ (คุณสามารถ download แบบฟอร์ม ตม.30 กรอกและให้เจ้าบ้านเซ็นชื่อให้เรียบร้อย แล้วนำไปยื่นเองก็ได้ (กรณีคนในครอบครัวเป็นเจ้าของบ้าน) ถ้าเป็นญาติต้องมีใบมอบอำนาจ และบัตรประจำตัวประชาชนของเจ้าบ้าน
2. แจ้งทางไปรษณีย์ลงทะเบียน ส่งไปยัง งานแจ้งที่พักอาศัยบุคคลต่างด้าวของตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในเขตพื้นที่รับผิดชอบ (เก็บใบลงทะเบียนไว้เป็นหลักฐาน ในเวบตม.เขาว่า)
3. แจ้งทางอินเตอร์เน็ต โดยเข้าไปลงทะเบียนขอ user ที่ https://extranet.immigration.go.th/fn24online
ปัญหาก็คือระบบไม่ปลอดภัยพอ และ เวบล่มตลอด ผู้เขียนสมัครไป 2 รอบ เมื่อเดือนม.ค.2016 จนวันนี้ยังไม่มีจดหมายตอบรับ โทรไปหาจนท.เขาว่า "รอค่ะน้อง หรือ ทำใหม่สิคะ" ไม่รู้จะทำระบบไว้ทำไมถ้ามันใช้ไม่ได้ (อันนี้ความเห็นส่วนตัว)
4. ผู้เขียนใช้วิธี fax ไปยังตม. ถ้าอยู่ไกลให้แจ้งที่สถานีตำรวจ ในเวบตม.เขาว่างั้น เอกสารที่จะต้อง fax ส่ง มีดังนี้
4.1 แบบฟอร์มตม.30 download ที่นี่ www.immigration.go.th/nov2004/download/tm30.doc
4.2. หนังสือเดินทางหน้าแรก ต่อคนต่างด้าว 1 ท่าน
4.3 หนังสือเดินทาง หน้าที่ตม.ประทับตราเข้าเมือง ต่อคนต่างด้าว 1 ท่าน
4.4 ใบตม.6 ที่จนท.ประทับตราแล้วแนบไว้ในหนังสือเดินทาง ต่อคนต่างด้าว 1 ท่าน
4.5 บัตรประจำตัวประชาชนเจ้าบ้าน
4.6 สำเนาทะเบียนบ้าน หน้าที่มีเลขที่บ้านและชื่อเจ้าบ้านตามในทะเบียนบ้าน (เจ้าของบ้านอาจจะไม่ใช่เจ้าบ้าน ให้อ้างอิงในทะเบียนบ้าน)
ให้ทำใบปะหน้าบอกให้จนท. fax กลับใบรับการแจ้งรับคนต่างด้าวเข้าพักอาศัยมาด้วย ถ้าไม่ส่งมาให้โทรตามเพื่อใช้เป็นหลักฐานอ้างอิงสำคัญมาก
** เคยถามจนท.ว่าคำว่าแจ้งภายใน 24 ชั่วโมงถ้าตม.ปิดจะแจ้งอย่างไร ถ้าหากเป็นช่วงเทศกาลหยุดยาว จนท.ตอบว่าก็ต้องแจ้งภายใน 24 ชั่วโมง คือคำตอบก็คือคำถาม จนท.บางคนบอกว่า 24h นับจากวันทำการ แต่ผู้เขียนกลับช่วงเทศกาลสงกรานต์จนท.บอกให้ส่ง fax ภายใน 24h เมื่อมาถึง ดังนั้นควรพิจารณาเอาเองค่ะ ที่เขียนมาทั้งหมดก็คือให้ใช้ดุลยพินิจเอาเองค่ะว่าจะแจ้งหรือไม่แจ้ง สำหรับเรื่องค่าปรับต่างๆผู้เขียนไม่ทราบค่ะ เพราะผู้เขียนก็เพิ่งทราบเมื่อต้นปีว่าต้องแจ้ง และพิจารณาเอาเองว่าแจ้งดีกว่า เราไม่รู้ว่าจนท.จะมาตรวจเมื่อไหร่หรืออาจจะเจอแจ็คพ็อต หรืออาจจะมีคนไม่หวังดีมากลั่นแกล้ง จึงขอปลอดภัยไว้ก่อน**
ทั้งหมดทั้งมวลก็คือให้แจ้งตม.ในจังหวัดนั้นเมื่อเดินทางไปถึง 24h เริ่มตั้งแต่ตราประทับขาเข้าวันแรกพักที่ไหนก็แจ้งที่นั่น พอย้ายที่พัก แต่ก็ยังพักตามบ้านเพื่อน บ้านญาติ ก็ต้องแจ้งตม.ไปตามจังหวัดที่ย้าย แต่ถ้าเปลี่ยนใจไปพักโรงแรมก็ไม่ต้องแจ้ง จนกว่าจะออกจากไทย
ที่อยู่ของตม.ทั่วประเทศ
ภาคเหนือ
http://www.immigration.go.th/nov2004/base.php?page=north
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
http://www.immigration.go.th/nov2004/base.php?page=esarn
ภาคกลาง
http://www.immigration.go.th/nov2004/base.php?page=central
ภาคใต้
http://www.immigration.go.th/nov2004/base.php?page=south
รายละเอียดเพิ่มเติม หัวข้อเขียนว่าสำหรับผู้ประกอบการ แต่จริงๆก็คือสำหรับบ้านพักด้วยค่ะ http://www.immigration.go.th/nov2004/base.php?page=alienstay


ตัวอย่างใบตม.6



หน้าตา แบบฟอร์ม ตม.30




ใบรับการแจ้งรับคนต่างด้าวเข้าพักอาศัย

 
 


 

วิธีปฏิบัติตัวยามเกิดปัญหาความรุนแรงทางครอบครัวในในฝรั่งเศส


ความรุนแรงในครอบครัว ภาษาฝรั่งเศสเรียกว่า la violence conjugale ผู้ที่ทำร้ายก็คือบุคคลในครอบครัวเดียวกัน อาจจะเป็นด้วยทั้งวาจา จิตใจและร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นคำพูดดูถูกเสียดสี (mépris),คุกคาม (ménace), ทำลายทรัพย์สิน (destruction de biens) ทำร้ายร่างกาย ถ้าหากว่ามันมีแนวโน้มที่จะเป็นอย่างนั้นแล้ว เราจึงควรเตรียมตัวและเตรียมใจไว้แต่เนิ่นๆ เมื่อโดนคำพูด ดูถูกเหยียดหยาม ไม่ว่าจะโดนกล่าวหาว่าเป็นโสเภณี อะไรก็ตาม ให้อัดเสียงหรือคลิปเอาไว้ ถ้าอีกฝ่ายทำลายข้าวของพยายามอัดคลิป เพื่อเป็นหลักฐานให้ได้มากที่สุด และถ้าถึงขั้นโดนทำร้ายร่างกายให้รีบไปตรวจร่างกายเพื่อเป็นหลักฐาน
- กรณีที่ต้องอยู่ในสถานการณ์อาจถึงแก่ชีวิต ให้แจ้งตำรวจ หมายเลข 17 หรือ 112 ถ้าเป็นโทรศัพท์มือถือ
- กรณีที่ได้รับบาดเจ็บให้โทรหา samu (service médical d’urgence) หมายเลข 15
- กรณีโดนไล่ออกจากบ้านยามดึก ให้โทรหา samu social หรือกาชาด (croix-rouge) หมายเลข 115 หรือ ขอความช่วยเหลือจากสถานีตำรวจใกล้บ้าน
- หมายเลขโทรศัพท์ 3919 เป็นของสมาคมและอาสาสมัครที่คอยช่วยเหลือเหยื่อความรุนแรง มีทั้งให้คำปรึกษาทั้งด้านกฎหมาย หาบ้านพักฉุกเฉิน ไปเป็นเพื่อนยามที่ต้องปรึกษานักจิตวิทยา เวลาทำการจันทร์ - เสาร์ 7h30 - 23h30 วันหยุดราชการ 10h - 20h (ถ้าจำเป็นทางศูนย์สามารถโทรหาคุณได้) อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ http://www.stop-violences-femmes.gouv.fr/
การตรวจร่างกาย
ควรจะไปตรวจร่างกาย (l'examen médical) ก่อนแจ้งความ สถานที่ตรวจร่างกาย
1. แผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาล
2. หมอ médecin généraliste ที่คุณสังกัดอยู่ คุณควรที่จะจด หมายเลขโทรศัพท์ของคุณหมอ généraliste ของคุณไว้กับตัว
3. ถ้าใน Paris Au service des urgences médico-judiciaires (UMJ) de l’Hôtel-Dieu - 1, place du Parvis Notre-Dame - 75004 Paris หมายเลขโทรศัพท์ 01 42 34 82 85/29 (24h)
การแจ้งความ (Dépôt de plainte)
ควรจะรีบแจ้งความ ถ้าตัดสินใจแน่วแน่ว่าต้องการเอาเรื่อง ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ให้บอกจนท.ตำรวจว่า porter plainte หรือ une plainte แต่ถ้าไม่ต้องการดำเนินคดีใดๆ ต้องการเพื่อบันทึกเป็นหลักฐาน ให้บอกว่า ขอลงบันทึกประจำวัน (une main courante) บันทึกเรื่องที่เกิดขึ้นเพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบในการพิจารณาคดีที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
ถ้าต้องการย้ายออกจากบ้านพร้อมลูก( Départ volontaire) ในขณะนั้น ให้ทำ une main courante เพื่อที่จะนำลูกออกมาอยู่ด้วย เป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก คุณจะได้ไม่ถูกแฟนของคุณ (พ่อหรือแม่เด็ก) แจ้งความข้อหาลักพาตัวลูก เพื่อนที่คอยให้ความช่วยเหลือก็เหมือนกัน ต้องให้ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือทำ une main courante ก่อน ไม่งั้นคุณเองก็จะเดือดร้อนเช่นกัน
ถ้าตั้งใจฟ้องหย่าและเลิกกันถาวร ให้คุณแจ้งความประสงค์ที่สถานีตำรวจว่าทำ l'abandon du domicile conjugal เพื่อแยกกันอยู่ตามกฎหมาย
การขอความช่วยเหลือทางด้านต่างๆ
1. คุณควรศึกษาว่าในเมืองคุณมีสมาคมอะไรบ้างที่ให้ความช่วยเหลือในกรณีความรุนแรงทางครอบครัว สามารถสอบถามได้ที่ la mairie หรือ สถานีตำรวจเขตคุณ หรือใช้ google ให้เป็นประโยชน์ ใช้คำว่า association violence conjugale ตามด้วยชื่อเมือง หรือบางครั้งสามารถขอความช่วยเหลือจากกาชาดฝรั่งเศสได้ (croix rouge)
2. ความช่วยเหลือทางด้านกฎหมาย หลายเมือง la mairie มีบริการให้คำปรึกษาฟรีทางด้านกฎหมาย โดยที่จะต้องนัดเวลาก่อน ทนายฟรีหรือขอคำปรึกษาเกี่ยวกับกฎหมายสามารถติดต่อได้ที่ tribunal d'instance หรือศาล การขอทนายฟรีใช้เวลานานและไม่ใช่ว่าจะได้ทุกคน ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่าง
3. ความช่วยเหลือทางด้านสังคมและที่อยู่อาศัย คุณสามารถขอความช่วยเหลือได้จาก นักสังคมสงเคราะห์(assistante sociale) ได้ ส่วนจะเป็นนักสังคมสงเคราะห์สังกัดใดขึ้นอยู่กับว่า คุณต้องการความช่วยเหลือทางด้านใด
- ถ้าคุณมีลูกเล็กๆ คุณต้องขอความช่วยเหลือจากนักสังคมสงเคราะห์ (assistante sociale) สังกัด PMI ( Protection Maternelle et Infantile)
- ถ้าคุณมีปัญหาเรื่องค่ารักษาพยาบาล ให้ติดต่อ นักสังคมสงเคราะห์ (assistante sociale) สังกัด ของโรงพยาบาลของรัฐ
- ถ้าคุณมีปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย การดำรงชีวิต ให้ติดต่อ นักสังคมสงเคราะห์ (assistante sociale) สังกัด caf
** assistante sociale หรือจนท.ศาล สามารถจัดหาล่ามให้คุณได้ แต่คุณก็ต้องช่วยเหลือตัวเองด้วยเพราะในบางครั้งนักแปลอาชีพนั้นมีน้อยและหายาก จึงต้องอาศัยอำนาจศาลแต่งตั้งล่ามให้ ซึ่งล่ามเองก็ไม่ได้มีความชำนาญมากพอที่จะแปลภาษาทางกฎหมายได้แม่นยำเหมือนกัน จึงเป็นเหตุผลที่ว่าอย่าทิ้งโอกาสที่เรียนภาษา แล้วก็อย่าหวังพึ่ง assistante sociale มากเกินไป เพราะบางครั้งสิ่งที่คุณหวังจะได้ อาจจะไม่เป็นไปดั่งที่คุณหวังจากเขา เพราะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย และลำดับความสำคัญของปัญหา***
ประเทศฝรั่งเศสให้ความสำคัญกับความรุนแรงในครอบครัวเป็นอันมาก จะไม่ถือว่าเป็นเรื่องของผัวๆเมียๆ ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมก็มีมากเช่นกัน
ข้อเท็จจริง
1. คู่สมรสของคุณมีสิทธิ์ในการถอดถอน titre de séjour ของคุณ ในกรณีที่บัตรเป็นประเภท vie privée et familiale แต่ถ้ากรณีที่คุณเป็นเหยื่อของความรุนแรง คุณสามารถเปลี่ยนสถานะของบัตรได้ค่ะ จึงไม่ต้องกลัวว่าจะถูกส่งกลับ หลักฐานที่สำคัญคือใบแจ้งความและใบตรวจร่างกายกรณีที่ไม่มีบุตรด้วยกันหรือบุตรไม่ใช่สัญชาติฝรั่งเศส ถ้าคุณมีบุตรสัญชาติฝรั่งเศส titre de séjour ก็จะเปลี่ยนสถานะเป็น ผู้ปกครองเด็กฝรั่งเศส **ยกเว้นแต่งงานและอยู่ร่วมกันมาไม่น้อยกว่า 3 ปีขึ้นไป คู่สมรสฝรั่งเศสไม่สามารถแจ้งถอดถอน titre de séjour ได้ **
2. อย่าพยายามคิดพาบุตรหนีกลับไทยโดยไม่ได้รับความยินยอมจากพ่อหรือแม่ของเด็ก เพราะไทยกับฝรั่งเศสมีสนธิสัญญาเรื่องการลักพาตัวเด็กอย่างผิดกฎหมาย ในกรณีที่คู่สามีภรรยาไทย-ฝรั่งเศสมีความขัดแย้งกัน และฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแอบพาลูกหนี ไม่ว่าจะหนีกลับฝรั่งเศสหรือหนีกลับไทยนั้น เด็กจะต้องถูกส่งกลับคืนมายังพ่อแม่ที่ได้รับความยินยอมจากศาล และฝ่ายที่ลักพาตัวเด็กอาจจะโดนดำเนินคดี ดังนั้น หากท่านกำลังคิดจะทำการใดๆ หรือเกิดปัญหานั้นแล้ว ที่เมืองไทยให้ติดต่อสถานฑูต 02.657.51.51 ที่ฝรั่งเศสติดต่อ http://www.justice.gouv.fr/justi…/enlevement-parental-12063/ ที่สำคัญคุณอาจจะถูกดำเนินคดีและเสียสิทธิ์ในการปกครองเด็ก
3.ถ้าหากต้องการกลับไทยแต่ไม่มีเงิน คุณสามารถขอทำสัญญากู้ยืมเงินกับสถานฑูตไทยประจำปรุงปารีสได้ สถานเอกอัครราชทูตฯ จะพิจารณาดำเนินการช่วยเหลือ ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน หรือเพื่อให้เดินทางกลับภูมิลำเนาในประเทศไทย แล้วแต่กรณี ซึ่งการให้ความช่วยเหลือนี้ ไม่ใช่เป็นการชดใช้ความเสียหาย ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือคนไทยในต่างประเทศ พ.ศ. 2549 โดยสถานเอกอัครราชทูตฯ สามารถให้คนไทยที่ได้รับความเดือดร้อนทำสัญญายืมเงินของทางราชการได้เท่าที่ต้องจ่ายตามความจำเป็น ได้แก่ ค่าพาหนะในการเดินทางกลับประเทศไทย ในอัตราต่ำสุด ค่าอาหารระหว่างรอรับความช่วยเหลือ และระหว่างเดินทางกลับประเทศไทย ค่าเช่าที่พักในระหว่างรอและระหว่างการเดินทาง (ถ้าจำเป็นต้องมี) ในอัตราต่ำสุดของอัตราที่พักในท้องถิ่นนั้น โดยตามระเบียบ ผู้ยืมจะต้องชดใช้เงินดังกล่าวกับทางราชการเมื่อเดินทางถึงประเทศไทยแล้ว
4. ปัญหาเรื่องผลประโยชน์ของตนเอง ความรู้ต่างๆทางด้านกฎหมาย ทั้งฝั่งไทยและฝั่งฝรั่งเศส เรื่องการหย่า การแบ่งทรัพย์สินทั้งหลาย สิทธิ ต่างๆนั้น คุณเอามาถามในบ้านสะใภ้ มันก็เป็นประสบการณ์ของคนๆ หนึ่ง ให้อ่านและเป็นความรู้ แต่อย่าเปรียบเทียบ เพราะกรณีแต่ละกรณีไม่เหมือนกันไปทั้งหมด ถ้าคุณอยากทราบเรื่องกฎหมาย ควรจะปรึกษาทนายความ หรือ ถ้าเป็นเรื่องของทรัพย์สินปรึกษา Notaire นอกจากนั้นแล้วทาง สำนักงานอัยการสูงสุด นั้นมีหน่วยงานที่คอยให้คำปรึกษาทางด้านกฎหมายสำหรับคนไทยที่อยู่ต่างประเทศ คือ "สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคุ้มครองสิทธิประชาชนระหว่างประเทศ" คุณจึงควรใช้ประโยชน์ในการสอบถามทางด้านกฎหมายต่างๆไม่ว่าจะเป็นเรื่องหย่า เรื่องข้อขัดแย้งเกี่ยวกับบุตร สิทธิ์ในมรดก สิทธิ์ในทรัพย์สิน etc..
ที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์
สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคุ้มครองสิทธิประชาชนระหว่างประเทศ (สฝคป.)
สำนักงานอัยการสูงสุด อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550
เลขที่ 120 หมู่ที่ 3 ชั้น 2 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ 10210
โทรศัพท์ : 0-2142-1532, 0-2142-1533
Website http://www.humanrights.ago.go.th/
กระดานถามตอบปัญหากฎหมาย http://www.humanrights.ago.go.th/forum/index.php?board=2.0
จนท.ที่สำนักงานมีความรู้เกี่ยวกับกฎหมายในฝรั่งเศสเป็นอย่างดี และสามารถให้คำตอบดีที่สุดค่ะ ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายไทยหรือฝรั่งเศส
5. ความช่วยเหลือจากกรมการกงสุล ขั้นตอนการให้บริการช่วยเหลือคนไทยตกทุกข์ได้ยากในต่างประเทศ http://www.consular.go.th/…/57600-ขั้นตอนการให้บริการช่วยเห…
6. ควรจะเก็บเอกสารสำคัญไว้กับตัว เช่น titre de séjour,หนังสือเดินทาง,การ์ดวิตาล ,livret de famille etc. ทั้งของลูกและของคุณเอง และทำสำเนาเอกสารเอาไว้ใน USB ตั้งรหัสล็อคเอาไว้ หรือในอีเมลของคุณเอง
หมายเหตุ
1. หมายเลขโทรศัพท์ ชมรมสตรีไทยในประเทศฝรั่งเศส 01 42 73 38 09 หรือ 06 45 51 49 47
2. หมายเลขโทรศัพท์สถานฑูตไทย ประจำกรุงปารีส 01 56 26 50 50 หมายเลขฉุกเฉิน 06 03 59 97 05 และ 06 46 71 96 94 (กรุณาโทรเฉพาะกรณีฉุกเฉินเท่านั้น)
ข้อแนะนำ
ก็คือ การเรียนภาษา และ การอบรม ถึงคุณจะมีความจำเป็นอย่างไร ก็อย่าทิ้งสิทธิ์เหล่านี้ เพราะมันจะเป็นประโยชน์ต่อคุณเอง การอยู่อาศัยในตปท. มีข้อจำกัดอย่างมากมาย ทั้งด้านภาษา เป็นต้น ควรจะทำตัว "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนก่อน" ผู้อื่นไม่สามารถคอยช่วยเหลือคุณได้ทุกฝีก้าว ดังนั้นคุณก็ควรจะศึกษาสิ่งที่อยู่รอบตัว บทสนทนาขั้นพื้นฐาน การขอความช่วยเหลือ หน่วยงานที่จะต้องติดต่อไว้บ้าง จะได้ไม่รู้สึกเหมือนโลกถล่มอยู่ตรงหน้าเมื่อเกิดปัญหา ยิ่งปัญหาครอบครัวเป็นปัญหาที่ซับซ้อนยุ่งยาก คนช่วยบางทีก็ต้องเจ็บตัวเหมือนๆกัน ทั้งยังอาจจะต้องดึงคนในครอบครัวไปเกี่ยวข้อง อาจจะทำให้คนคอยช่วยเหลือมีปัญหาเสียเอง คุณควรจะต้องรู้จักช่วยเหลือตัวเองก่อน อย่าหวังพึ่งแต่คนอื่น เพราะมีหลายครั้งก็มีพวกมิจฉาชีพเข้ามาใช้ประโยชน์จากคุณ จึงขอเตือนไว้ค่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

รายชื่อนักแปลภาษาฝรั่งเศสที่ได้รับการรับรองจากสถานฑูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย LISTE DES TRADUCTEURS AGREES PAR L’AMBASSADE DE FRANCE EN THAILANDE

BANGKOK



1. ALLIANCE FRANCAISE BANGKOK

179 Thanon Witthayu, Lumpini,
Pathumwan, BANGKOK 10330
Tél.      : 02 670 42 05
Services : traduction administrative, juridique, générale
Administrative, juridical and general translation
 แปลเอกสารราชการ เอกสารเกี่ยวกับศาลและการพิจารณาคดี และเอกสารทั่วไป
  

2.BANGKOK BUSINESS & TRANSLATION OFFICE
 
592/1 Soi Suanplu, Sathorn Taï Road,
BANGKOK 10120
Tél.      : 02 286 71 32, 02 286 86 06
Mlle Orakul SITHBURANA
M. Georges E. PONNAZ


3.CHULALONGKORN UNIVERSITY TRANSLATION CENTER
 
Phayathai Road, BANGKOK 10330
Tél.      : 02 218 46 35-6/ Fax : 02 218 48 68
Mme Sarapi GASTON
Mme Varunee PADMASANKHU



4. A LANGUAGE LOVER’S 'TRANSLATION CENTER

l 159/5 Sammakorn, Ramkhamhaeng 110 Road, Saphansung, BANGKOK 10240
Tél.      : 02 373 91 71, 02 729 57 53
Fax      : 02 373 18 97
l 93/1 G.P.F. Witthayu Building, Unit 113,
Ground floor, Tower B, Witthayu Road,
PathumWan,  BANGKOK 10330
Tél.      : 02 650 79 00, 02 650 79 01
Fax      : 02 650 79 01
E-mail : alanguagelover@yahoo.com
M. Rangsi SAPHAYATOSOK
Mme Wilawan SAPHAYATOSOK



5. INTERLANGUAGE TRANSLATION CENTER

57/3 Wireless Road, Lumphini,
Pathumwan, BANGKOK 10330
Tél.      : 02 252 74 50, 02 650 78 31
Mme Pornthip TOYAI



6.INTERNATIONAL TRANSLATION

Silom Road, BANGKOK 10500
Tél.      : 02 23 377 14, 02 234 99 69,
  02 267 10 97, 02 267 10 98
Fax      : 02 632 71 19
Mlle Siriwan CHULAKORN
Mme Premthip ARTHAPHAN



7.THE CORNER
31 Charoenkrung Road, Soi 36(Rue de Brest),
Bangrak, BANGKOK 10500
Tél.      : 02 233 16 54/ Fax : 02 267 60 40
Mobile : 08 14 82 99 74
E-mail : tempakc@hotmail.com     
Mme Tempak CHARUPRAKORN


8.EXPRESS TRANSLATION SCE & TRAVEL CO., LTD.

 l 888, 1/F, Mahatun Plaza Building,
Ploenchit Road, PathumWan, BANGKOK 10330
Tél.      : 02 250 04 12
Tel/Fax          : 02 252 03 37
 l Witthayu Road, Pathumwan, BANGKOK 10330
Tél./Fax: 02 255 88 70
E-mail : mildee@cscoms.com
Mlle Salisa SORNBOONTHONG


9. THE SUN TRANSLATION AND LANGUAGES SERVICES 

- Mme Angkana RUKVEERADHAM
Silom Complex Office Building, 17/F,
Silom, Bangrak, BANGKOK 10500
Mobile            : 09 29 48 91 48



10.M. Adithep VENUCHANDRA
555/7 Sathu Pradit 43,
Yan Nawa, BANGKOK 10120
Tél.      : 02 294 60 93
Mobile : 08 19 06 50 46



11.Mme Emilie TESTARD-BLANC
 
165/1 soi Taksin 23, Thanon Taksin,
Samre, Thonburi, BANGKOK 10600
Tél       : 08 60 45 29 24



12.Mme Nathalie MARTIN

57/62 Mooban Chuenkamol Niweth 1,
Praracheun Road, Laksi, BANGKOK
Tél.      :  02 98 28 075/
Mobile            : 08 92 18 47 02

13.Mme Jinjuta MANOTHAM

Spécialité : droit et droit international
51/123 Chokchai 4 road (soi71),
Ladprao, BANGKOK 10230
Tél       : 085 141 68 28
E-mail             : jinjuta123@gmail.com


 
PATHUMTHANI 

14. M. Atthapong AYUSUK
 
29/1190 Wararak Village, Moo 2,

Klong 3, Klong Luang, PATHUM THANI 12120

Tél       : 08 67 60 10 98
E-mail :  a.ayusuk@hotmail.com


 SUKHOTHAI
 
15.LE JARDIN DE SUKO CO., LTD.

121/8 Moo 3 Lithai, Tambon Muangkao,
Amphoe Muang, SUKHOTHAI 64210
Tél : 08 71 07 70 92
E-mail : sdiekratok@gmail.com
M. Sunchai DIEKRATOK-MARLET

NAKHONPATHOM

16.M.Gérard FOUQUET-NAKHONPATHOM

88/217 Moo 4, Krathumlom, Samphran, NAKHONPATHOM 73220
Tél.        : 08 95 12 51 87
Fax        : 02 814 0116
E-mail : gfouquet@me.com

CHONBURI - PATTAYA

17. CENTRE FRANCO-THAI CO., LTD.

225/609 South Pattaya Road, Duck Square
(c/o Universal Hansoo Taekwondo Co., Ltd.)
Moo 10, Nongprue, Banglamung,
Pattaya, CHONBURI 20150
Tél.      : 08 40 93 86 79/ Fax         : 038 226 236
Mme Pornsawan PHENGPIT
M. Atthapong AYUSUK





18. P.P.T. PATTAYA

183/62 Soi Post Office, PATTAYA City 20260
Tél.      : 038 427 262
Mobile : 08 90 24 03 98
Fax      : 038 410 174
E-mail : udomsakchatchakul@gmail.com
M. Udomsak CHATCHAKUL

KOH SAMUI 


19. M. Jules GERMANOS (Phimpha)

141/3 moo 6, Tambon Bophut, KOH SAMUI 84320
Tél.      : 077 961 711
Mobile            : 0870864372
E-mail             : aftsamui@yahoo.fr

20. Mme Manasnarth GUERRE-BOONYONG

18/6 Moo 3, Ban Thaley, Nameuang,
KOH SAMUI  84140
Mobile            : 08 31 87 84 97
           : manasnarth.boonyong@gmail.com

PHUKET



21. ALLIANCE FRANCAISE PHUKET

3 Pattana Soi 1, PHUKET 83002
Tél.      : 076 222 988
M. Denis ROCHEL

PATTANI



22. M. Wachira PATARAPOTIKUL

Université Prince de Songkhla, PATTANI
181, Charoenpradit Road, Tambon Rusimilae,
Amphoe Muang, PATTANI 94000
Tél.      : 02 251 3426/ Fax  : 02 651 7059
Mobile            : 08 67 33 8089

CHIANGRAI

23. ALLIANCE FRANCAISE DE CHIANGRAI

1077 moo 1, Thanon Rajayotha soi 1,
CHIANGRAI 57000
Tél.      : 053 752 114
Fax      : 053 713 963
M. Guy Heidelberger

CHIANGMAI




24. ALLIANCE FRANCAISE CHIANGMAI

Charoenprathet Road, CHIANGMAI 50100
Tél.      : 053 275 277
E-mail : chiangmai@alliance-francaise.or.th
M. Thomas BAUDE
M. Jean-Claude NEVEU




 

 


 

วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2558

การทำหนังสือเดินทางกับสถานฑูตไทย ประจำกรุงปารีส / หนังสือเดินทางสูญหาย

ลอกมาจาก website ของสถานฑูตไทย ณ กรุงปารีส ตามนี้

http://www.thaiembassy.fr/บริการงานกงสุล/หนังสือเดินทาง/



หนังสือเดินทาง


หนังสือ เดินทางไทยเป็นเอกสารราชการที่ออกโดยกระทรวงการต่างประเทศไทย ในปัจจุบัน ไม่ว่าผู้ร้องจะยื่นคำร้องขอมีหนังสือเดินทางที่กรมการกงสุล กรุงเทพมหานคร หรือที่ฝ่ายกงสุลของสถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลใหญ่ ก็จะได้รับหนังสือเดินทางรูปใหม่ที่เรียกว่า “อี-พาสปอร์ต” (e-Passport) ทั้งหมด


การขอมีหนังสือเดินทาง ณ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส


- บุคคลสัญชาติไทยผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศฝรั่งเศส หากประสงค์จะยื่นคำร้องขอมีหนังสือเดินทาง จะต้องมายื่นคำร้องด้วยตนเอง เนื่อง จากต้องบันทึกข้อมูลชีวภาพของผู้ร้อง ด้วยการถ่ายภาพใบหน้าและลายพิมพ์นิ้วมือเพื่อเก็บไว้ในฐานข้อมูล และเพื่อรับบัตรคิวสำหรับการยื่นคำร้องฯ ในวันเดียวกันตามลำดับ ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ จะทำการปรับปรุงการให้บริการด้านหนังสือเดินทางให้มีประสิทธิภาพและสะดวกรวด เร็วมากยิ่งขึ้น โดยจะยกเลิกระบบนัดหมายเพื่อยื่นคำร้องขอมีหนังสือเดินทาง ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2558 เป็นต้นไป ทั้งนี้ ผู้ที่ต้องการจะยื่นคำร้องขอมีหนังสือเดินทางสามารถติดต่อขอรับบริการได้ที่สถานเอกอัครราชทูตฯ ในเวลาระหว่าง 10.00 น. – 16.30 น. โดยไม่จำเป็นต้องนัดหมายล่วงหน้าได้ ตั้งแต่บัดนี้ โดยสถานเอกอัครราชทูตฯ จะจำกัดการรับคำร้องขอมีหนังสือเดินทาง วันละไม่เกิน 30 ราย ยกเว้นผู้ที่เดินทางไกลมาจากต่างจังหวัด ทั้งนี้ การยกเลิกระบบนัดหมายล่วงหน้าทางโทรศัพท์ อีเมล์ หรือด้วยตนเอง และให้ประชาชนสามารถมายื่นคำร้องขอมีหนังสือเดินทางโดยไม่ต้องนัดหมายล่วง หน้านี้ก็เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน ซึ่งไม่ต้องรอนัดหมายเป็นเวลานานหลายสัปดาห์อีกต่อไป ดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

***กรุณาเตรียมเอกสารมาให้ครบถ้วนตามรายละเอียดที่ปรากฎด้านล่าง

หมายเหตุ ผู้ถือหนังสือเดินทางไทยสามารถยื่นคำร้องขอทำหนังสือเดินทางเล่มใหม่ได้ก่อนหนังสือเดินทางเล่มเดิมหมดอายุไม่เกิน 6 เดือน
- กรณีบุคคลสัญชาติไทยเดินทางมาประเทศฝรั่งเศสเป็นการชั่วคราว (เช่น ท่องเที่ยว/ประชุม/ติดต่อธุรกิจ ฯลฯ) และหนังสือเดินทางสูญหาย สามารถติดต่อขอทำเอกสารเดินทางชั่วคราวได้ทันทีที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส ในวันทำการ ระหว่างเวลา 09.30 – 12.30 น. และ 14.30 – 17.30 น. โทรศัพท์ +33 (0)1 56 26 50 50 เอกสารสำคัญ
เอกสาร และหลักฐานประกอบการยื่นคำร้องขอหนังสือเดินทางของบุคคลสัญชาติไทยผู้มีถิ่น ที่อยู่ในประเทศฝรั่งเศส ในกรณีต่างๆ มีรายละเอียดดังนี้
กรณีบุคคลทั่วไป (ขอมีหนังสือเดินทางใหม่เนื่องจากฉบับเดิมหมดอายุ)
  1. หนังสือเดินทางเล่มเดิมที่หมดอายุแล้วหรือกำลังจะหมดอายุ ยื่นพร้อมสำเนาจำนวน 2 ชุด (เฉพาะหน้าที่มีข้อมูลบุคคล)
  2. บัตรประชาชนไทยหรือบัตรประจำตัวข้าราชการ พร้อมสำเนา 1 ชุด
  3. สำเนาทะเบียนบ้านที่อยู่ในประเทศไทย จำนวน 1 ชุด
  4. ใบสำคัญการเปลี่ยนชื่อ-สกุล (หากมี)
  5. รูปถ่ายสีขนาด 2 นิ้ว จำนวน 1 ใบ
  6. เงินค่าธรรมเนียม 30 ยูโร (ขอรับเป็นเงินสด)
กรณี ผู้เยาว์ขอมีหนังสือเดินทางใหม่ (ผู้เยาว์มีทั้งบิดาและมารดาเป็นบุคคลสัญชาติไทย หรือกรณีผู้เยาว์มีบิดาหรือมารดาคนใดคนหนึ่งเป็นบุคคลสัญชาติไทย)
  1. หลักฐานการจดทะเบียนเกิด (ใบเกิด หรือ “สูติบัตร”) ของไทย และของฝรั่งเศส
    ถ้ายังไม่มีหลักฐานการจดทะเบียนเกิดของไทย ให้ติดต่อฝ่ายกงสุลเพื่อขอจดทะเบียนเกิดตามกฎหมายไทยให้เรียบร้อยก่อน
  2. สำเนาหนังสือเดินทางของทั้งบิดาและมารดา อย่างละ 1 ชุด (หากฝ่ายใดถือสัญชาติอื่น ก็ให้ยื่นสำเนาหนังสือเดินทางสัญชาตินั้นด้วย
  3. สำเนาบัตรประชาชนไทย ของมารดา 1 ชุด
  4. สำเนาทะเบียนบ้านไทย ของมารดา 1 ชุด
  5. สำเนาใบสำคัญการสมรส ซึ่งจดทะเบียนสมรสตามกฎหมายไทยหรือตามกฎหมายต่างชาติก็ได้ จำนวน 1ชุด
    อย่างไรก็ดี กรณีที่บุตรเกิดจากมารดาไทยซึ่งไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับบิดา ก็ไม่จำเป็นต้องแสดงสำเนาใบสำคัญการสมรส
  6. ใบสำคัญการเปลี่ยนชื่อ-สกุล ของบิดาหรือมารดา (หากมี)
  7. รูปถ่ายสีหน้าตรงของผู้เยาว์ ขนาด 2 นิ้ว จำนวน 1 ใบ
  8. เงินค่าธรรมเนียม 30 ยูโร (ขอรับเป็นเงินสด)
หมายเหตุ กรณีนี้ บิดา มารดา และผู้เยาว์ ต้องมาแสดงตนพร้อมกันต่อเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส
กรณีผู้เยาว์ขอมีหนังสือเดินทางโดยมีบิดาหรือมารดาเป็นผู้มีอำนาจปกครองบุตรแต่เพียงผู้เดียว
  1. หนังสือเดินทางเล่มเดิมของผู้เยาว์ (เด็ก) พร้อมสำเนา 2 ชุด
  2. หลักฐานการจดทะเบียนเกิด (ใบเกิด หรือ “สูติบัตร”) ของไทย 1 ชุด
  3. สำเนาทะเบียนบ้านไทย ของผู้เยาว์ 1 ชุด
  4. สำเนาเอกสาร ปค.14 (ซึ่งออกโดยที่ว่าการอำเภอที่บิดาหรือมารดามีภูมิลำเนาในประเทศไทย) 1 ชุด
  5. สำเนาหนังสือเดินทางไทยของบิดาหรือมารดา 1 ชุด
  6. สำเนาบัตรประชาชนไทย ของบิดาหรือมารดา 1 ชุด
  7. สำเนาทะเบียนบ้านไทย ของบิดาหรือมารดา 1 ชุด
  8. รูปถ่ายสีหน้าตรงของผู้เยาว์ ขนาด 2 นิ้ว จำนวน 1 ใบ
  9. เงินค่าธรรมเนียม 30 ยูโร (ขอรับเป็นเงินสด)



****หนังสือเดินทางสูญหาย****


หากทำหนังสือเดินทางสูญหาย ต้องทำอย่างไร
สูญ หายในประเทศ ต้องติดต่อแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจและรับแจ้งความจากเจ้าพนักงาน ตำรวจมายื่นขอทำหนังสือเดินทางฉบับใหม่และยกเลิกการใช้งานหนังสือเดินทาง ฉบับที่สูญหาย
สูญหายในต่างประเทศ ต้องแจ้งความหนังสือเดินทางสูญหายต่อทางการท้องถิ่น และนำใบรับแจ้งความดังกล่าวนั้นพร้อมเอกสารแสดงการมีสัญชาติไทยของตนหรือ เอกสารทะเบียนราษฎรที่มีอยู่ เช่น บัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนบ้าน ฯลฯ ไปติดต่อที่สถานทูต สถานกงสุลไทยที่ใกล้ที่สุด เพื่อขอหนังสือเดินทางเล่มใหม่ หากในกรณีที่ผู้ทำหนังสือเดินทางสูญหายต้องการเดินทางกลับประเทศไทยเป็นการ เร่งด่วน ไม่สามารถรอรับหนังสือเดินทางได้ สถานทูตสถานกงสุลจะออกเอกสารเดินทาง(Certificate of Identity) ให้ใช้เดินทางกลับประเทศไทยได้ครั้งเดียว เมื่อกลับถึงประเทศไทยแล้วเอกสารเดินทางจะหมดอายุการใช้งาน
ข้อแนะนำ ก่อนเดินทางออกนอกประเทศควรถ่ายเอกสารหนังสือเดินทางหน้าที่มีรูปถ่ายและข้อมูลส่วนบุคคล และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนที่ยังมีอายุอยู่เก็บไว้แยกกัน อีกทั้งควรมีที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์ของสถานทูตและสถานกงสุลไทย ในประเทศที่จะเดินทางไปถึง หรือเดินทางผ่าน
เอกสาร สำคัญที่ใช้ติดต่อในการขอทำเอกสารเดินทางชั่วคราว (Certificate of Identity)ในกรณีที่บินกลับประเทศไทยโดยตรง หรือ ขอทำหนังสือเดินทางชั่วคราว ในกรณีที่บินกลับประเทศไทยโดยผ่านประเทศอื่น)
  1. ใบแจ้งความที่ได้แจ้งไว้กับตำรวจฝรั่งเศส พร้อมสำเนา 2 ชุด
  2. สำเนาหนังสือเดินทางเล่มเดิมที่หาย จำนวน 2 ชุด
  3. สำเนาทะเบียนบ้านไทย จำนวน 2 ชุด
  4. สำเนาบัตรประชาชนไทย จำนวน 2 ชุด
  5. รูปถ่ายสีขนาด 2 นิ้ว จำนวน 3 ใบ
  6. สำเนาใบจองตั๋วเครื่องบินขากลับประเทศไทย จำนวน 2 ชุด
  7. เงินค่าธรรมเนียม เงินสด 10 ยูโร ในกรณีที่ติดต่อขอทำหนังสือเดินทางชั่วคราว

แบบฟอร์มคำร้องหนังสือเดินทาง ดาวโหลดได้ที่นี่
http://www.thaiembassy.fr/wp-content/uploads/2-2_Formulaire_E-passport.pdf

link สำหรับนัดหมายออนไลน์เพื่อขอทำหนังสือเดินทางของสถานฑูตไทย 

http://paris.thaivisareservation.com/default.aspx?qry=omy3B%2bv4Qig67s2XrA1fPZSxB8pXBoIOHAOcX7%2fnxu%2fxuWGGOJo83msq5twfk0Jz



ลอกมาจาก

http://www.thaiembassy.fr/บริการงานกงสุล/หนังสือเดินทาง/หนังสือเดินทางสูญหาย/

**** หมายเหตุ สำหรับการทำ e-passport นั้น ในประเทศฝรั่งเศสนั้นทำได้เฉพาะที่สถานฑูตไทย ณ กรุงปารีส เท่านั้น หรือ จะต้องรอกงสุลสัญจรมาทำให้ ส่วนผู้ที่มีที่พักอาศัยอยู่ตามชายแดน อาจจะขอทำที่ สถานฑูตไทยประเทศข้างเคียงก็อาจจะได้ แต่ไม่เสมอไป ***

***อีเมลสำหรับติดต่อสถานฑูต   thaiconsular.paris@hotmail.com ***


การเกณฑ์ทหาร

เรื่องการเกณฑ์ทหาร

คัดลอกมาจาก website กองการสัสดี หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน กระทรวงกลาโหม

http://www.sussadee.com/index1.htm


การลงบัญชีทหารกองเกิน

                การลงบัญชีทหารกองเกิน และการรับหมายเรียกเข้ารับราชการทหาร
                ชายที่มีสัญชาติเป็นไทยตามกฎหมาย เมื่อมีอายุ ๑๗ ปีบริบูรณ์ ให้ไปแสดงตนเพื่อลงบัญชีทหารกองเกิน ตามมาตรา ๑๖ ณ หน่วยสัสดีเขต/อำเภอ (ในปี พ.ศ.๒๕๕๘ คือ ผู้เกิด พ.ศ.๒๕๔๑ ) โดยสามารถลงบัญชีได้ ภายใน ๓๑ ธ.ค.๕๘   ผู้ใดไม่สามารถไปแสดงตนลงบัญชีทหารกองเกินด้วยตนเองได้   ต้องให้บุคคลซึ่งบรรลุนิติภาวะ และเชื่อถือได้ไปแจ้งแทน (ปกติควรให้ผู้ปกครอง)   ถ้าพ้นกำหนดถือว่าหลีกเลี่ยงขัดขืน   มีความผิดตามกฎหมาย
สำหรับชายไทยที่เกิด พ.ศ.๒๕๑๓ – ๒๕๔๐   หากยังมิได้ลงบัญชีทหารกองเกินมาก่อน ก็ให้ไป แสดงตนเพื่อลงบัญชีทหารกองเกินที่อำเภอภูมิลำเนา ซึ่งมีความผิด จะต้องส่งดำเนินคดีก่อนรับลงบัญชีทหารกองเกิน โดยหลักฐานที่ต้องนำไปแสดง คือ   บัตรประจำตัวประชาชน , สำเนาทะเบียนบ้านตนเอง บิดา มารดา และ สูติบัตร (ถ้ามี)
ชายไทยที่มีอายุ ๒๐ ปีบริบูรณ์ คือ เกิด พ.ศ.๒๕๓๘   ซึ่งได้ลงบัญชีทหารกองเกินไว้แล้ว จะต้องเข้ารับการตรวจเลือกทหารใน เม.ย.๕๙ ให้ไปรับหมายเรียกเข้ารับราชการทหาร   ณ   หน่วยสัสดีเขต/อำเภอที่เป็นภูมิลำเนาทหาร  ภายใน ๓๑ ธ.ค.๕๘   ผู้ใดไม่สามารถจะไปรับหมายเรียกด้วยตนเองได้   ต้องให้บุคคลซึ่งบรรลุนิติภาวะ และพอจะเชื่อถือได้ไปรับหมายเรียกแทน     ถ้าไม่รับหมาย ถือว่าหลีกเลี่ยงขัดขืน   มีความผิดตาม มาตรา ๔๔ แห่งพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ.๒๔๙๗ โดยนำหลักฐานไปแสดง คือ บัตรประจำตัวประชาชน และใบสำคัญ (แบบ สด.๙)

เรื่องการผ่อนผัน

ผ่อนผันไม่ต้องมาเข้ารับการตรวจเลือก
  • นัก เรียนซึ่งไปศึกษาต่างประเทศ   ถ้าเป็นการศึกษาโดยทุนรัฐบาล ทางสำนัก ก.พ. จะดำเนินการขอผ่อนผันให้ แต่ถ้าเป็นการศึกษาโดยทุนส่วนตัว จะแยกการดำเนินการเป็น  ๒ กรณี คือ
หากยังไม่ได้เดินทางไปศึกษา
ให้ยื่นคำร้องต่อนายอำเภอภูมิลำเนาทหารก่อนเดินทางโดยแจ้งว่าจะเดินทางเมื่อ ใด   และรับรองว่าเมื่อเดินทางไปถึงแล้วจะจัดส่งหนังสือรับรองสถานทูตมาให้ภายใน ๓ เดือน
หากเดินทางไปศึกษาแล้ว
ให้บิดา มารดา หรือผู้ปกครอง ยื่นคำร้องพร้อมหลักฐานต่อนายอำเภอภูมิลำเนาทหาร ดังนี้
                  ๑.หนังสือรับรองสถานทูต หรือสถานกงสุล โดยต้องมีรายละเอียดว่า ไปศึกษาวิชาอะไร สถานศึกษาใด ประเทศใด หลักสูตรกี่ปี และขอผ่อนผันกี่ปี
                  ๒.ใบสำคัญทหารกองเกิน (สด.๙),หมายเรียกเข้ารับราชการทหาร (แบบ สด.๓๕), บัตรประจำตัวประชาชน, สำเนาทะเบียนบ้านของทหารกองเกิน และของผู้ยื่นคำร้อง
  • ผู้ที่จำเป็นต้องหาเลี้ยงดูบุตรซึ่งมารดาตาย หรือต้องหาเลี้ยงดูพี่หรือน้องซึ่งบิดามารดา
ทั้ง นี้ ให้ยื่นขอผ่อนผันต่ออำเภอภูมิลำเนาทหารก่อนวันตรวจเลือกไม่น้อยกว่า ๓๐ วัน และต้องไปแสดงตนเพื่อร้องขอต่อคณะกรรมการในวันตรวจเลือกด้วย
  • นิสิต/นัก ศึกษาผู้อยู่ในระหว่างศึกษาในสถาบันการศึกษาภายในประเทศ ให้ยื่นขอผ่อนผันต่อ สถานศึกษาได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป การขอผ่อนผัน สถานศึกษาจะต้องดำเนินการส่งหนังสือขอผ่อนผันถึงผู้ว่าราชการจังหวัดภายใน ก.พ.๕๗ และต้องไปแสดงตนต่อคณะกรรมการตรวจเลือกในวันตรวจเลือกทหารฯ ทุกปี ในระหว่างที่ขอผ่อนผัน มิฉะนั้นจะมีความผิดตามกฎหมาย นิสิต/นักศึกษาที่อยู่ในเกณฑ์ที่จะขอผ่อนผันได้นั้น ได้แก่
                  ๑. นิสิตนักศึกษาสถาบันอุดมศึกษาที่อยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อรับปริญญา ผ่อนผันให้จนถึงอายุ ๒๖ ปี ยกเว้นนักศึกษาวิชาแพทย์ศาสตร์ ผ่อนผันให้จนถึงอายุ ๒๗ ปี แต่หากจบการศึกษาก่อนกำหนดอายุ ก็หมดสิทธิการผ่อนผัน
                  ๒.นักเรียน นักศึกษาในสถานศึกษาสายอาชีพ หรือสายเฉพาะทางอื่นๆ เฉพาะผู้ซึ่งอยู่ในระหว่างการศึกษาระดับต่ำกว่าปริญญาหรือระดับปริญญา ผ่อนผันให้จนถึงอายุ ๒๖ ปี
                  ๓. นักเรียนในสถานศึกษาสายสามัญระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ผ่อนผันให้จนถึงอายุ ๒๒ ปี
เมื่อขอผ่อนผันต่อสถานศึกษาแล้ว ในวันตรวจเลือกฯ จะต้องไปแสดงตนเพื่อเข้ารับการตรวจเลือกในฐานะคนผ่อนผันทุกปีในระหว่างการ ผ่อนผัน และจะต้องได้รับใบรับรองผลการตรวจเลือก (สด.๔๓) จากประธานกรรมการ หากไม่ไปแสดงตนก็จะมีความผิดเหมือนกันบุคคลทั่วไป เมื่อจบการศึกษาแล้ว จะต้องแจ้งต่อนายอำเภอท้องที่ภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันจบการศึกษา ผู้ที่ขอผ่อนผัน หากในวันตรวจเลือกฯ ประสงค์จะขอเข้าตรวจเลือกก็ให้ยื่นคำร้องขอสละสิทธิเพื่อเข้ารับการตรวจ เลือกภายในเวลา ๑๒.๐๐ น.ของวันตรวจเลือก

การยกเว้น
                 
การยกเว้น มี  ๒ ประเภท คือ
                  ๑. ยกเว้นไม่ต้องเข้ารับราชการกองประจำการ  (ยกเว้นให้ตลอดไป) คือ
                                    ๑.๑ พระภิกษุที่มีสมณศักดิ์ หรือที่เป็นเปรียญและนักบวชในพระพุทธศาสนาแห่งนิกายจีนหรือ ญวนที่มีสมณศักดิ์
พระภิกษุที่มีสมณศักดิ์ หมายถึง ยศของพระ เช่น เป็นพระครู   พระชั้นเทพหรือชั้นธรรม เป็นต้น
ส่วนตำแหน่งของพระ   เช่น เป็นเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ อย่างนี้เป็นตำแหน่ง ไม่ใช่สมณศักดิ์ จึงไม่ได้รับการยกเว้น  
พระภิกษุที่มีสมณศักดิ์อาจไม่มีตำแหน่งก็ได้
พระภิกษุที่เป็นเปรียญ หมายถึง การศึกษาของพระ เช่น เป็นเปรียญตั้งแต่ ๓ ประโยค  ถึง ๙ ประโยค
นักบวชในพระพุทธศาสนาแห่งนิกายจีนหรือญวนที่มีสมณศักดิ์นั้น หมายถึง ผู้ที่บวชในพระพุทธศาสนาเหมือนกัน ต่างกันที่ถือตามนิกายของจีนกับของญวน                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                            
นักบวชในพระพุทธศาสนาแห่งนิกายจีนหรือญวน ต้องมีสมณศักดิ์ด้วย จึงจะได้รับการยกเว้น
                                    ๑.๒ คนพิการทุพพลภาพซึ่งไม่สามารถเป็นทหารได้
                  ๒. ยกเว้นไม่เรียกมาเข้ารับการตรวจเลือกในยามปกติ  คือ
                                    ๒.๑ พระภิกษุสามเณรซึ่งเป็นนักธรรม
พระภิกษุสามเณรซึ่งเป็นนักธรรม หมายถึง ผู้ที่จบนักธรรมตรี นักธรรมโท และนักธรรมเอก เมื่อยื่นเรื่องขอยกเว้นและได้รับการยกเว้นแล้ว ไม่ต้องไปแสดงตนเข้ารับการตรวจเลือกฯ ถ้ายื่นไม่ทันก่อนการตรวจเลือก จะนำหลักฐานไปยื่นขอรับการยกเว้นต่อคณะกรรมการตรวจเลือกในวันทำการตรวจเลือก ก็ได้ หลักฐานที่ต้องนำไปยื่นต่อนายอำเภอเพื่อขอยกเว้น ได้แก่
                  - ประกาศนียบัตรจบนักธรรม
                  - ใบสำคัญ(แบบ สด.๙)
                  - หมายเรียก(แบบ สด.๓๕)
                  - หนังสือรับรองของเจ้าอาวาส
                  - หนังสือสุทธิ
                                    ๒.๒     ผู้อยู่ในระหว่างการฝึกวิชาทหาร (ยังไม่จบ รด.ปี ๓)
การขอยกเว้นให้สถานศึกษาจัดทำบัญชีผู้ซึ่งอยู่ในกำหนดต้องเรียกมาตรวจเลือกฯ ส่ง สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม และ นรด. ภายในเดือนตุลาคมของทุกปี หลักฐานเป็นหน้าที่ของกระทรวงกลาโหมจะแจ้งไปยังจังหวัดภูมิลำเนาทหารของผู้ นั้น ให้จัดการยกเว้นให้ แล้วผู้นั้นไม่ต้องไปเข้ารับการตรวจเลือก
                                    ๒.๓     ครูในสถานศึกษา
ครูซึ่งประจำทำการสอนหนังสือหรือวิชาการต่าง ๆ ที่อยู่ในความควบคุมของกระทรวง ทบวง กรม หรือราชการส่วนท้องถิ่น รวมถึงครูอัตราจ้างด้วย แต่ครูไม่ได้รับการยกเว้นทุกคน   ครูที่จะมีสิทธิได้รับการยกเว้นจะต้องเข้าลักษณะตามที่กำหนด ดังนี้
                  เป็นครูประจำทำการสอนนักเรียน นิสิต หรือนักศึกษา ไม่น้อยกว่า ๑๕ คนเป็นปกติและในจำนวนนักเรียน นิสิต หรือนักศึกษาไม่น้อยกว่า ๑๕ คนนี้ ยกเว้นครูได้คนเดียว หรือเป็นครูสอนประจำเฉพาะวิชาซึ่งทำการสอนนักเรียน นิสิต หรือนักศึกษาไม่น้อยกว่า ๑๕ คนเป็นปกติ และในจำนวนนักเรียน นิสิต หรือนักศึกษาไม่น้อยกว่า ๑๕ คนนี้   ก็ยกเว้นครูได้คนเดียวเช่นกัน
มีเวลาสอนสัปดาห์ละไม่น้อยกว่า ๑๘ ชั่วโมง สำหรับครูซึ่งประจำทำการสอนในสถานศึกษาตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาลงมา   หรือไม่น้อยกว่า ๑๕ ชั่วโมง สำหรับครูซึ่งประจำทำการสอนในสถานศึกษาระดับสูงกว่ามัธยมศึกษา
                  วิธีการยกเว้นครู
                  ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องส่งรายชื่อครูซึ่งจะได้รับการยกเว้นไปยังผู้ว่า ราชการกรุงเทพมหานคร หรือผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งครูผู้นั้นทำการสอนอยู่ในท้องที่ก่อนเดือนเมษายนของปีที่ถูกเรียกไม่น้อยกว่าหกสิบวัน  เว้นแต่กรณีการย้ายไปประจำทำการสอนในสถานศึกษาอื่นนอกจากที่กำหนดไว้ในใบ สำคัญยกเว้นครู ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องส่งรายชื่อครูที่ย้ายมาประจำทำการสอนซึ่งจะได้ รับ การยกเว้นน้อยกว่าหกสิบวันได้ แต่ต้องก่อนการตรวจเลือกในจังหวัดที่เป็นภูมิลำเนาทหารของครูผู้นั้น
ให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หรือผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นผู้ออกใบสำคัญ     ยกเว้นครูให้แก่ครูซึ่งทำการสอนอยู่ในท้องที่ แล้วแจ้งให้ผู้อำนวยการเขตหรือนายอำเภอท้องที่ที่เป็น   ภูมิลำเนาทหารของครูผู้นั้นทราบ ถ้าครูผู้นั้นมีภูมิลำเนาทหารอยู่ในท้องที่จังหวัดอื่น ต้องแจ้งให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หรือผู้ว่าราชการจังหวัดแห่งท้องที่ที่เป็นภูมิลำเนาทหารของครูผู้นั้นทราบ   แล้วให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หรือผู้ว่าราชการจังหวัดที่ได้รับแจ้งแจ้งให้ผู้อำนวยการเขตหรือนายอำเภอ ท้องที่ที่เป็นภูมิลำเนาทหารของครูผู้นั้นทราบอีกต่อหนึ่ง ทั้งนี้ให้แจ้งต่อกันภายในกำหนด ๓๐ วัน
                                    ๒.๔ ผู้ได้สัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติ
เป็นบุคคลที่ได้แปลงสัญชาติเป็นคนไทยตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่จะทราบว่าเป็นบุคคลประเภทนี้ตั้งแต่ไปแสดงตนขอลงบัญชีทหารกอง เกินแล้ว จะจัดการยกเว้นให้ทันทีโดยตัวไม่ต้อง ขอยกเว้นอีก
                                    ๒.๕ บุคคลซึ่งได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกครั้งเดียวตั้งแต่ ๑๐ ปีขึ้นไปหรือเคยได้รับโทษจำคุกโดยคำ พิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกหลายครั้งรวมกันตั้งแต่ ๑๐ ปีขึ้นไปหรือเคยถูกศาลพิพากษาให้กักกัน


การตรวจโรคทหารกองเกินก่อนการตรวจเลือกทหารฯ

                  ขอให้ทหารกองเกินที่จะต้องเข้ารับการตรวจเลือกทหารฯ ใน   เม.ย.๕๘   ที่สงสัยว่าตนเองมีโรคที่น่าจะขัดต่อการรับราชการทหารกองประจำการ ไปเข้ารับการตรวจโรคก่อนการตรวจเลือก ณ โรงพยาบาลทหารตามที่กองทัพบกกำหนด ไว้ จำนวน ๒๐ แห่ง   ตั้งแต่ ๑ ต.ค.๕๗ เป็นต้นไปจนถึง   ๒๐ ก.พ. ๕๘ ซึ่งโรงพยาบาลจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโรคไว้เป็น การเฉพาะ และทำให้ทหารกองเกินทราบได้ได้ล่วงหน้าก่อนวันทำการตรวจเลือกว่าเป็นโรคที่ ขัดต่อการรับราชการทหารหรือไม่    
โรคที่ควรไปเข้ารับการตรวจ ได้แก่ โรคที่เกี่ยวกับความผิดปกติของ ตา , หู , โรคหัวใจและหลอดเลือด , โรคเลือดและอวัยวะสร้างเลือด , โรคของระบบหายใจ , โรคของระบบปัสสาวะ , โรคหรือความผิดปกติของกระดูก , ข้อ และกล้ามเนื้อ ,  โรคของต่อมไร้ท่อ  และภาวะผิดปกติของเมตะบอลิสัม ,โรคติดเชื้อ ,  โรคทางประสาทวิทยา ,  โรคทางจิตเวช และโรคอื่น ๆ  เช่น ตับแข็ง เป็นต้น
โรงพยาบาลสังกัด กองทัพบก   ๒๐   แห่ง   ได้แก่

ส่วนกลาง : รพ.พระมงกุฎเกล้า (กรุงเทพฯ) , รพ.อานันทมหิดล (ลพบุรี) ,       รพ.ค่ายธนะรัชต์ (ประจวบคีรีขันธ์)  และ รพ.โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าฯ (นครนายก)
ทภ.๑ : รพ.ค่ายจักรพงษ์ (ปราจีนบุรี) , รพ.ค่ายสุรสีห์ (กาญจนบุรี) , รพ.ค่ายอดิศร (สระบุรี) และ รพ.ค่ายนวมินทราชินี (ชลบุรี)
ทภ.๒ : รพ.ค่ายสุรนารี (นครราชสีมา) , รพ.ค่ายสรรพสิทธิประสงค์(อุบลราชธานี) , รพ.ค่ายประจักษ์ศิลปาคม (อุดรธานี ) , รพ.ค่ายวีรวัฒน์โยธิน (สุรินทร์) และ รพ.ค่ายกฤษณ์สีวะรา (สกลนคร)
ทภ.๓ : รพ.ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (พิษณุโลก) , รพ.ค่ายจิรประวัติ (นครสวรรค์) , รพ.ค่ายสุรศักดิ์มนตรี (ลำปาง) และ รพ.ค่ายกาวิละ (เชียงใหม่)
ทภ.๔ : รพ.ค่ายวชิราวุธ (นครศรีธรรมราช), รพ.ค่ายเสนาณรงค์ (สงขลา) และ รพ.ค่ายอิงคยุทธบริหาร (ปัตตานี)
เอกสาร ที่ต้องนำไปแสดง ได้แก่ บัตรประจำตัวประชาชน ใบสำคัญ(แบบ สด.๙),หมายเรียกเข้ารับราชการทหาร  (แบบ สด.๓๕)และหลักฐานการเปลี่ยนชื่อตัว – ชื่อสกุล ฉบับจริงพร้อมสำเนา


เรื่องสิทธิลดวันรับราชการทหาร

                  บุคคลที่สามารถใช้สิทธิลดวันรับราชการทหารได้ มีดังนี้
                  ๑. ข้าราชการกลาโหมพลเรือนชั้นสัญญาบัตร, ข้าราชการตุลาการ, ดะโต๊ะยุติธรรม, ข้าราชการอัยการ, ข้าราชการฝ่ายตุลาการซึ่งเป็นข้าราชการธุรการชั้นตรีหรือเทียบเท่า, ข้าราชการพลเรือนชั้นตรีหรือเทียบเท่า, พนักงานเทศบาลชั้นตรีหรือเทียบเท่า, ผู้สำเร็จชั้นอุดมศึกษาหรือสำเร็จการศึกษาจากต่างประเทศ   ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการรับรองวิทยาฐานะเทียบเท่า
จับสลากถูกเป็นทหาร ๑ ปี ถ้าสมัครเป็นเพียง ๖ เดือน            
                  ๒. ผู้สำเร็จชั้นเตรียมอุดมศึกษาปีที่ ๒ หรือเทียบเท่า, ผู้สำเร็จจาก ร.ร.อาชีวศึกษาชั้นสูงของ   กระทรวงศึกษาธิการ, ผู้สำเร็จวิชาชีพ หลักสูตรไม่น้อยกว่า ๓ ปี จาก ร.ร.อาชีวะที่กระทรวงศึกษาธิการรับรองและรับจากผู้สำเร็จ ม.ศ.๓ ผู้สำเร็จประโยคมัธยมศึกษาตอนปลาย ตั้งแต่ ๒ ชั้นขึ้นไป        
จับสลากถูกเป็นทหาร ๒ ปี ถ้าสมัครเป็นเพียง ๑ ปี
                  ๓. ผู้สำเร็จการฝึกวิชาทหาร
                                    ชั้นปีที่ ๑ เข้าจับสลากเป็นทหาร ๑ ปี ๖ เดือน ถ้าสมัครเป็นเพียง ๑ ปี
                                    ชั้นปีที่ ๒ เข้าจับสลากเป็นทหาร ๑ ปี ถ้าสมัครเป็นเพียง ๖ เดือน
                                    ชั้นปีที่ ๓ ขึ้นทะเบียนและนำปลดเป็นทหารกองหนุนประเภทที่ ๑ (ไม่ต้องไปเข้ารับการตรวจเลือก)
                  ๔. ผู้สำเร็จการฝึกวิชาทหารจากต่างประเทศ ต้องให้กระทรวงกลาโหมรับรองเทียบกับผู้สำเร็จการฝึกวิชาทหารของ รด. ก่อน แล้วจึงขอรับสิทธิตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
           
                  คำเตือน
                  การขอสิทธิลดวันรับราชการทหาร ต้องนำหลักฐานแสดงคุณวุฒิพิเศษโดยยื่นต่อคณะกรรมการตรวจเลือกในวันตรวจเลือก โดยทำคำร้องไว้พร้อมทั้งขอใบรับหลักฐานจากเจ้าหน้าที่ด้วย
ผู้เข้ารับการตรวจเลือก จะได้ใบรับรองผลการตรวจเลือกฯ (แบบ สด.๔๓) จากประธานกรรมการในวันตรวจเลือกทุกคน
ขอ ให้ทหารกองเกินที่จะต้องเข้าตรวจเลือก ฯ ใน เม.ย. ๕๗ ไปรับหมายเรียกได้ ณ  หน่วยสัสดีเขต/อำเภอที่เป็นภูมิลำเนาทหารตามใบสำคัญ (แบบ สด ๙)

ขั้นตอนการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ากองประจำการ


              ขั้นตอนการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ากองประจำการ (การเกณฑ์ทหาร)
              ใน วันตรวจเลือกทหารกองเกิน (วันเกณฑ์ทหาร) เวลา ๐๗.๐๐ น. ทหารกองเกินที่ได้รับหมายเรียก (แบบ สด.๓๕) แล้วทุกคนเข้าแถวตามตำบล เคารพธงชาติ ประธานกรรมการตรวจเลือกทหาร ชี้แจงความจำเป็นถึงการตรวจเลือกทหาร เมื่อประธานกรรมการชี้แจงเสร็จ  กรรมการสัสดีจะชี้แจงถึงขั้นตอนการปฏิบัติในการตรวจเลือกทหาร รวมทั้งสิทธิต่าง ๆ ของผู้ถูกเข้ารับราชการทหารกองประจำการ คือ ผู้ที่สมัครหรือผู้ที่จับสลากแดงได้ ซึ่งมีขั้นตอนการปฏิบัติ ดังนี้
              โต๊ะที่ ๑ เรียกชื่อ    กรรมการจะเรียกชื่อทหารกองเกินเข้ารับการตรวจเลือก
              โต๊ะที่ ๒ ตรวจร่างกาย    กรรมการแพทย์จะตรวจร่างกายว่าสมบูรณ์ดีหรือไม่
กรรมการสัสดีกำหนดคนเป็น ๔ จำพวก คือ
          จำพวกที่ ๑ คนร่างกายสมบูรณ์ดี
          จำพวกที่ ๒ คนที่ร่างกายไม่สมบูรณ์ดีเหมือนคนจำพวกที่ ๑ แต่ไม่ถึงกับทุพพลภาพ
          จำพวกที่ ๓ คนที่ได้รับอุบัติเหตุหรือมีโรครักษาให้หายไม่ได้ภายใน ๓๐ วัน
          จำพวกที่ ๔   คนที่ร่างกายพิการทุพพลภาพ หรือมีโรคที่กฎหมายกำหนดให้ไม่ต้องเข้ารับราชการทหาร
              โต๊ะที่ ๓ วัดขนาด    กรรมการจะวัดขนาดสูงและขนาดรอบตัวของร่างกาย
ประธานการตรวจเลือกทหาร จะตรวจสอบขั้นสุดท้าย ถ้าร่างกายสมบูรณ์ดีและขนาดสูง ๑ เมตร ๖๐ เซนติเมตร ขนาดรอบตัว ๗๖ เซนติเมตร ในเวลาหายใจออกเรียกว่าคนได้ขนาด และจะให้รอจับสลาก เมื่อมีคนได้ขนาดพอกับยอดจำนวนที่ต้องการคนเข้ากองประจำการ  ทหารกองเกินที่มีขนาดสูงต่ำกว่า ๑ เมตร ๖๐ เซนติเมตร ขนาดรอบตัวต่ำกว่า ๗๖ เซนติเมตร ในเวลาหายใจออก และคนจำพวกที่ ๒,๓,๔ ซึ่งร่างกายไม่สมบูรณ์ดีหรือร่างกายพิการทุพพลภาพหรือมีโรคที่ขัดต่อการเป็น ทหารกองประจำการ   ประธานกรรมการจะปล่อยตัวพร้อมกับมอบใบรับรองผลการตรวจเลือก (แบบ สด.๔๓) ให้ทหารกองเกินรับไป
ทหารกองเกินหรือบุคคลที่จับสลากแดงหรือสมัครเข้า เป็นทหารกองประจำการ   ประธานกรรมการตรวจเลือกจะส่งตัวให้นายอำเภอ/ผู้อำนวยการเขต ออกหมายนัดให้ไปเข้ารับราชการทหารตามผลัดที่จับสลากได้ หรือผลัดที่สมัครไว้

นอกจากนี้คุณสามารถ download แผ่นพับคำอธิบายต่างๆได้จากที่นี่

http://www.sussadee.com/PR/A401.pdf

คำแนะนำเรื่องเอกสารต่างๆ โปรดอ่านจากที่นี่

http://www.engrdept.com/Burachat/sadsadee_army.htm

ข้อแนะนำการติดต่อราชการที่ทำการสัสดีเขต/อำเภอ


การลงบัญชีทหารกองเกิน (การขึ้นทะเบียนทหาร)
      บุคคลที่มีสัญชาติไทยเมื่ออายุ ๑๗ ปีบริบูรณ์ ต้องไปลงบัญชีทหารกองเกิน (ขึ้นทะเบียนทหาร) ตามภูมิลำเนาของบิดา   ถ้าบิดาถึงแก่กรรมให้ลงบัญชีทหารกองเกินตามภูมิลำเนาของมารดา   ถ้าบิดา มารดาถึงแก่กรรมให้ลงบัญชีทหารกองเกิน ตามภูมิลำเนาของผู้ปกครองและเมื่อลงบัญชีทหารกองเกินเสร็จแล้วจะได้รับใบ สำคัญ (แบบ สด.๙) โดยนำหลักฐานไปลงบัญชีทหารดังนี้
      ๑. บัตรประจำตัวประชาชน
      ๒. สำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน
      ๓. สูติบัตร (ถ้ามี)
การรับหมายเรียกเข้ารับราชการทหาร
      บุคคลที่ได้ลงบัญชีทหารกองเกิน (ขึ้นทะเบียนทหารฯ)ไว้แล้ว เมื่ออายุ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ต้องไปรับหมายเรียกเข้ารับราชการทหาร (แบบ สด.๓๕) ภายในปี พ.ศ.นั้น ๆ กรณีมอบอำนาจให้บุคคลอื่นไปรับหมายเรียกแทน   จะต้องมีหนังสือมอบอำนาจ และนำหลักฐานไปยืนต่อนายอำเภอ/ผู้อำนวยการเขต/ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำ กิ่งอำเภอ ดังนี้
      ๑. ใบสำคัญ (แบบ สด.๙)
      ๒. บัตรประจำตัวประชาชน
การเปลี่ยนชื่อตัวหรือชื่อสกุล
      บุคคลซึ่งเป็นทหารกองเกินหรือทหารกองหนุน เมื่อได้เปลี่ยนชื่อตัวหรือชื่อสกุล ต้องไปยื่นคำร้องขอเปลี่ยนชื่อตัว ชื่อสกุล ในบัญชีทหารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องโดยนำหลักฐานไปยื่นต่อนายอำเภอ/ผู้อำนวยการเขต/ปลัดอำเภอผู้ เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอ ดังนี้
      ๑. ใบสำคัญ (แบบ สด.๙) หรือหนังสือสำคัญ (แบบ สด.๘)
      ๒. หนังสือสำคัญการเปลี่ยนชื่อตัว, ชื่อสกุล
         ๓. บัตรประจำตัวประชาชน
      ๔. สำเนาทะเบียนบ้าน

       
ใบสำคัญ (แบบ สด.๙) และหนังสือสำคัญ (แบบ สด.๘) แทนฉบับที่ชำรุดหรือสูญหาย
      เมื่อใบสำคัญ (แบบ สด.๙) หรือหนังสือสำคัญ (แบบ สด.๘) ชำรุดหรือสูญหายให้ผู้ถือใบสำคัญ (แบบ สด.๙) หรือหนังสือสำคัญ (แบบ สด.๘) แจ้งต่อนายอำเภอ/ผู้อำนวยการเขต/ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอ ท้องที่ภูมิลำเนาทหาร โดยนำหลักฐานไปด้วยดังนี้
      ๑. บัตรประจำตัวประชาชน
      ๒. ใบรับแจ้งเอกสารหาย
      ๓. รูปถ่ายหน้าตรงไม่สวมหมวก ไม่สวมแว่น ขนาด ๓x๔ ซม. จำนวน ๓ รูป กรณีขอหนังสือ     สำคัญ (แบบ สด.๘)
การแจ้งย้ายภูมิลำเนาทหาร
      บุคคลใดย้ายไปอยู่ที่ใหม่มีถิ่นที่อยู่เป็นหลักฐาน และมีความประสงค์จะย้ายภูมิลำเนาทหาร ให้ยื่นคำร้องแจ้งต่อนายอำเภอ/ผู้อำนวยการเขต/ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำ กิ่งอำเภอท้องที่ที่ย้ายเข้าไปอยู่ใหม่ โดยนำหลักฐานไปด้วยดังนี้
      ๑. ใบสำคัญ (แบบ สด.๙) หรือหนังสือสำคัญ (แบบ สด.๘)
      ๒. บัตรประจำตัวประชาชน
      ๓. สำเนาทะเบียนบ้าน
การผ่อนผันการตรวจเลือกทหารหรือการเกณฑ์ทหาร
      ๑. การผ่อนผันการตรวจเลือกทหารเพื่อเลี้ยงดูบิดา มารดา
         บุคคลที่ต้องการขอผ่อนผันการเกณฑ์ทหาร เพื่อเลี้ยงดูบิดา มารดา ซึ่งไร้ความสามารถหรือพิการทุพพลภาพ หรือชราจนหาเลี้ยงชีพไม่ได้และไม่มีผู้อื่นเลี้ยงดู ให้ดำเนินการขอผ่อนผันดังนี้
        ๑.๑   ถ้ามีบุตรต้องเกณฑ์ทหารพร้อมกันหลายคน ให้บิดา มารดาเลือกเพียงคนเดียว
        ๑.๒ บุคคลที่ต้องการขอผ่อนผันการเกณฑ์ทหารยื่นคำร้องต่อนายอำเภอ/ผู้อำนวยการ เขต/ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอ ก่อนวันเกณฑ์ทหารไม่น้อยกว่า ๓๐ วัน
        ๑.๓ บุคคลที่ต้องการขอผ่อนผันการเกณฑ์ทหารต้องร้องขอผ่อนผันต่อคณะกรรมการตรวจเลือกในวันตรวจเลือกอีกครั้งหนึ่ง
       ๑.๔ หลักฐานที่ต้องนำไปแสดงการขอผ่อนผัน
        ๑.๔.๑ ใบสำคัญ (แบบ สด.9)
        ๑.๔.๒ หมายเรียก (แบบ สด.35)
        ๑.๔.๓ บัตรประจำตัวประชาชนของตนเอง/บิดาหรือมารดา
        ๑.๔.๔ สำเนาทะเบียนบ้าน
        ๑.๔.๕ หลักฐานที่แสดงว่า บิดาหรือมารดาเป็นคนไร้ความสามารถหรือพิการทุพพลภาพ
        ๑.๔.๖ หลักฐานอื่นที่มีและเกี่ยวข้อง
      ๒.   การผ่อนผันการตรวจเลือกทหารเพื่อเลี้ยงดูบุตร
            บุคคลที่ต้องการขอผ่อนผันการเกณฑ์ทหารเพื่อเลี้ยงดูบุตรซึ่งมารดาตายหรือไร้ ความสามารถ หรือพิการทุพพลภาพ ซึ่งบุตรยังหาเลี้ยงชีพไม่ได้ หรือไม่มีผู้อื่นเลี้ยงดู ให้ดำเนินการขอผ่อนผันดังนี้
        ๒.๑ ยื่นคำร้องขอผ่อนผันต่อนายอำเภอ/ผู้อำนวยการเขต/ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้า ประจำกิ่ง อำเภอ ก่อนถึงวันเกณฑ์ทหาร/ตรวจเลือกทหารไม่น้อยกว่า ๓๐ วัน
        ๒.๒ ร้องขอต่อคณะกรรมการตรวจเลือกทหาร ในวันตรวจเลือกทหาร/วันเกณฑ์ทหารอีกครั้งหน้า
            ๒.๓ หลักฐานที่ต้องนำไปยื่นคำร้องขอผ่อนผันมีดังนี้
                  ๒.๓.๑ ใบสำคัญ (แบบ สด.๙)
                  ๒.๓.๒ หมายเรียก (แบบ สด.๓๕)
                  ๒.๓.๓ บัตรประจำตัวประชาชนของตนเอง/ภรรยา
                  ๒.๓.๔ สำเนาทะเบียนบ้าน
                  ๒.๓.๕ ใบสำคัญการสมรส/ทะเบียนสมรส
                  ๒.๓.๖ ใบมรณบัตรของภรรยา (ถ้ามี)
                  ๒.๓.๗ หลักฐานที่แสดงว่าภรรยาไร้ความสามารถหรือพิการทุพพลภาพ
                  ๒.๓.๘ หลักฐานอื่นที่มีและเกี่ยวข้อง (ถ้ามี)
      ๓.   การขอผ่อนผันการตรวจเลือกทหารเพื่อเลี้ยงดูพี่หรือน้อง
            บุคคลที่ต้องการขอผ่อนผันการเกณฑ์ทหารเพื่อเลี้ยงดูพี่หรือน้องร่วมบิดา มารดา หรือร่วมแต่บิดาหรือมารดา ซึ่งบิดา มารดาตาย ทั้งนี้พี่หรือน้องหาเลี้ยงชีพไม่ได้และไม่มีผู้อื่นเลี้ยงดู ให้ดำเนินการขอผ่อนผัน ดังนี้
        ๓.๑   ยื่นคำร้องขอผ่อนผันต่อนายอำเภอ/ผู้อำนวยการเขต/ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้า ประจำกิ่งอำเภอก่อนถึงวันตรวจเลือก/วันเกณฑ์ทหารไม่น้อยกว่า ๓๐   วัน
            ๓.๒ ร้องขอต่อคณะกรรมการตรวจเลือกในวันตรวจเลือก (วันเกณฑ์ทหาร) อีกครั้งหนึ่ง
            ๓.๓ หลักฐานที่ต้องนำไปยื่นคำร้องขอผ่อนผันมีดังนี้
                  ๓.๓.๑ ใบสำคัญ (แบบ สด.๙)
                  ๓.๓.๒ หมายเรียก (แบบ สด.๓๕)
                  ๓.๓.๓ บัตรประจำตัวประชาชนของตนเอง/พี่/น้อง
                  ๓.๓.๔ ใบสูติบัตร/ใบเกิด ของพี่หรือน้อง
                  ๓.๓.๕ สำเนาทะเบียนบ้าน
                  ๓.๓.๖ ใบมรณบัตรของบิดาหรือมารดา
                  ๓.๓.๗ หลักฐานที่แสดงว่า บิดา มารดาเป็นคนไร้ความสามารถหรือพิการทุพพลภาพ
                  ๓.๓.๘ หลักฐานอื่นที่มีและเกี่ยวข้อง
      ๔.   การผ่อนผันการตรวจเลือกทหารเพื่อศึกษาภายในประเทศ
               การผ่อนผันเนื่องจากอยู่ระหว่างการศึกษาภายในประเทศ เป็นการผ่อนผันให้เนื่องจากมีจำนวนคนมากกว่าจำนวนคนที่หน่วยทหารต้องการ ซึ่งได้แก่
        ๔.๑   นักเรียนโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายหรือมัธยมศึกษาชั้นปีที่ ๖ ( ม.๖ ) หรือเทียบเท่า จะได้รับ การผ่อนผันจนสำเร็จระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.๖) หรือเทียบเท่า แต่อายุไม่เกิน ๒๒ ปีบริบูรณ์
        ๔.๒ นิสิตหรือนักศึกษามหาวิทยาลัยของรัฐ สถาบันการศึกษาของรัฐหรือสถาบันอุดมศึกษาเอกชน จะผ่อนผันให้ศึกษาที่ไม่สูงกว่าระดับปริญญาโท และจนถึงอายุครบ ๒๖ ปีบริบูรณ์แต่สำหรับการศึกษาภาคนอกเวลาหรือภาคสมทบ หรือนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหงและมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชต้องมีผล การศึกษาสอบไล่ได้ภาคละไม่น้อยกว่า ๙ หน่วยกิต ทุกภาคติดต่อกัน

            ให้ผู้ที่ต้องการขอผ่อนผันดำเนินการดังนี้

            ๑.   ยื่นคำร้องขอผ่อนผันต่อสถานศึกษาที่ศึกษาอยู่
            ๒. ไปเข้ารับการตรวจเลือกเพื่อใช้สิทธิ์การผ่อนผันการตรวจเลือกทหารในวันตรวจเลือก
            ๓. หลักฐานที่ใช้ประกอบในการขอผ่อนผัน คือ
          ๓.๑ ใบสำคัญ ( แบบ สด.๙ )
          ๓.๒ หมายเรียก ( แบบ สด.๓๕ )
          ๓.๓ บัตรประจำตัวประชาชน  
      ๕.   การขอผ่อนผันการตรวจเลือกทหารเพื่อไปศึกษาวิชา ณ   ต่างประเทศ
           การผ่อนผันการเกณฑ์ทหารเนื่องจากไปศึกษาวิชา ณ ต่างประเทศจะได้รับการผ่อนผันการตรวจเลือกทหารตามจำนวนปีที่ใช้การศึกษาตาม หลักสูตรจนกว่าจะจบการศึกษา แล้วยกเว้นให้ไม่ต้องมาแสดงตนในวันตรวจเลือกเกณฑ์ทหารโดยมีขั้นตอนการขอ ผ่อนผันดังนี้
        ๕.๑ ให้นักเรียนผู้ขอผ่อนผันหรือมอบอำนาจให้บิดา มารดา หรือ ผู้ปกครอง ยื่นคำร้องขอผ่อนผันต่อนายอำเภอ/ผู้อำนวยการเขต/ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้า ประจำกิ่งอำเภอท้องที่ภูมิลำเนาทหาร
            ๕.๒ หลักฐานที่จะต้องนำไปยื่นคำร้องขอผ่อนผันทหาร
                  ๕.๒.๑ ใบสำคัญ (แบบ สด.๙)
            ๕.๒.๒ หมายเรียก (แบบ สด.๓๕)
            ๕.๒.๓ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ขอผ่อนผันของผู้ยื่นคำร้องขอผ่อนผันแทน
       ๕.๒.๔ สำเนาทะเบียนบ้าน
            ๕.๒.๕ หนังสือรับรองของสถานศึกษาพร้อมสำเนาคำแปลเป็นภาษาไทย
      ๕.๒.๖ หนังสือรับรองของสถานฑูตหรือสถานกงสุลไทย ณ ประเทศที่ไปศึกษา