วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2558

การเกณฑ์ทหาร

เรื่องการเกณฑ์ทหาร

คัดลอกมาจาก website กองการสัสดี หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน กระทรวงกลาโหม

http://www.sussadee.com/index1.htm


การลงบัญชีทหารกองเกิน

                การลงบัญชีทหารกองเกิน และการรับหมายเรียกเข้ารับราชการทหาร
                ชายที่มีสัญชาติเป็นไทยตามกฎหมาย เมื่อมีอายุ ๑๗ ปีบริบูรณ์ ให้ไปแสดงตนเพื่อลงบัญชีทหารกองเกิน ตามมาตรา ๑๖ ณ หน่วยสัสดีเขต/อำเภอ (ในปี พ.ศ.๒๕๕๘ คือ ผู้เกิด พ.ศ.๒๕๔๑ ) โดยสามารถลงบัญชีได้ ภายใน ๓๑ ธ.ค.๕๘   ผู้ใดไม่สามารถไปแสดงตนลงบัญชีทหารกองเกินด้วยตนเองได้   ต้องให้บุคคลซึ่งบรรลุนิติภาวะ และเชื่อถือได้ไปแจ้งแทน (ปกติควรให้ผู้ปกครอง)   ถ้าพ้นกำหนดถือว่าหลีกเลี่ยงขัดขืน   มีความผิดตามกฎหมาย
สำหรับชายไทยที่เกิด พ.ศ.๒๕๑๓ – ๒๕๔๐   หากยังมิได้ลงบัญชีทหารกองเกินมาก่อน ก็ให้ไป แสดงตนเพื่อลงบัญชีทหารกองเกินที่อำเภอภูมิลำเนา ซึ่งมีความผิด จะต้องส่งดำเนินคดีก่อนรับลงบัญชีทหารกองเกิน โดยหลักฐานที่ต้องนำไปแสดง คือ   บัตรประจำตัวประชาชน , สำเนาทะเบียนบ้านตนเอง บิดา มารดา และ สูติบัตร (ถ้ามี)
ชายไทยที่มีอายุ ๒๐ ปีบริบูรณ์ คือ เกิด พ.ศ.๒๕๓๘   ซึ่งได้ลงบัญชีทหารกองเกินไว้แล้ว จะต้องเข้ารับการตรวจเลือกทหารใน เม.ย.๕๙ ให้ไปรับหมายเรียกเข้ารับราชการทหาร   ณ   หน่วยสัสดีเขต/อำเภอที่เป็นภูมิลำเนาทหาร  ภายใน ๓๑ ธ.ค.๕๘   ผู้ใดไม่สามารถจะไปรับหมายเรียกด้วยตนเองได้   ต้องให้บุคคลซึ่งบรรลุนิติภาวะ และพอจะเชื่อถือได้ไปรับหมายเรียกแทน     ถ้าไม่รับหมาย ถือว่าหลีกเลี่ยงขัดขืน   มีความผิดตาม มาตรา ๔๔ แห่งพระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ.๒๔๙๗ โดยนำหลักฐานไปแสดง คือ บัตรประจำตัวประชาชน และใบสำคัญ (แบบ สด.๙)

เรื่องการผ่อนผัน

ผ่อนผันไม่ต้องมาเข้ารับการตรวจเลือก
  • นัก เรียนซึ่งไปศึกษาต่างประเทศ   ถ้าเป็นการศึกษาโดยทุนรัฐบาล ทางสำนัก ก.พ. จะดำเนินการขอผ่อนผันให้ แต่ถ้าเป็นการศึกษาโดยทุนส่วนตัว จะแยกการดำเนินการเป็น  ๒ กรณี คือ
หากยังไม่ได้เดินทางไปศึกษา
ให้ยื่นคำร้องต่อนายอำเภอภูมิลำเนาทหารก่อนเดินทางโดยแจ้งว่าจะเดินทางเมื่อ ใด   และรับรองว่าเมื่อเดินทางไปถึงแล้วจะจัดส่งหนังสือรับรองสถานทูตมาให้ภายใน ๓ เดือน
หากเดินทางไปศึกษาแล้ว
ให้บิดา มารดา หรือผู้ปกครอง ยื่นคำร้องพร้อมหลักฐานต่อนายอำเภอภูมิลำเนาทหาร ดังนี้
                  ๑.หนังสือรับรองสถานทูต หรือสถานกงสุล โดยต้องมีรายละเอียดว่า ไปศึกษาวิชาอะไร สถานศึกษาใด ประเทศใด หลักสูตรกี่ปี และขอผ่อนผันกี่ปี
                  ๒.ใบสำคัญทหารกองเกิน (สด.๙),หมายเรียกเข้ารับราชการทหาร (แบบ สด.๓๕), บัตรประจำตัวประชาชน, สำเนาทะเบียนบ้านของทหารกองเกิน และของผู้ยื่นคำร้อง
  • ผู้ที่จำเป็นต้องหาเลี้ยงดูบุตรซึ่งมารดาตาย หรือต้องหาเลี้ยงดูพี่หรือน้องซึ่งบิดามารดา
ทั้ง นี้ ให้ยื่นขอผ่อนผันต่ออำเภอภูมิลำเนาทหารก่อนวันตรวจเลือกไม่น้อยกว่า ๓๐ วัน และต้องไปแสดงตนเพื่อร้องขอต่อคณะกรรมการในวันตรวจเลือกด้วย
  • นิสิต/นัก ศึกษาผู้อยู่ในระหว่างศึกษาในสถาบันการศึกษาภายในประเทศ ให้ยื่นขอผ่อนผันต่อ สถานศึกษาได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป การขอผ่อนผัน สถานศึกษาจะต้องดำเนินการส่งหนังสือขอผ่อนผันถึงผู้ว่าราชการจังหวัดภายใน ก.พ.๕๗ และต้องไปแสดงตนต่อคณะกรรมการตรวจเลือกในวันตรวจเลือกทหารฯ ทุกปี ในระหว่างที่ขอผ่อนผัน มิฉะนั้นจะมีความผิดตามกฎหมาย นิสิต/นักศึกษาที่อยู่ในเกณฑ์ที่จะขอผ่อนผันได้นั้น ได้แก่
                  ๑. นิสิตนักศึกษาสถาบันอุดมศึกษาที่อยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อรับปริญญา ผ่อนผันให้จนถึงอายุ ๒๖ ปี ยกเว้นนักศึกษาวิชาแพทย์ศาสตร์ ผ่อนผันให้จนถึงอายุ ๒๗ ปี แต่หากจบการศึกษาก่อนกำหนดอายุ ก็หมดสิทธิการผ่อนผัน
                  ๒.นักเรียน นักศึกษาในสถานศึกษาสายอาชีพ หรือสายเฉพาะทางอื่นๆ เฉพาะผู้ซึ่งอยู่ในระหว่างการศึกษาระดับต่ำกว่าปริญญาหรือระดับปริญญา ผ่อนผันให้จนถึงอายุ ๒๖ ปี
                  ๓. นักเรียนในสถานศึกษาสายสามัญระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ผ่อนผันให้จนถึงอายุ ๒๒ ปี
เมื่อขอผ่อนผันต่อสถานศึกษาแล้ว ในวันตรวจเลือกฯ จะต้องไปแสดงตนเพื่อเข้ารับการตรวจเลือกในฐานะคนผ่อนผันทุกปีในระหว่างการ ผ่อนผัน และจะต้องได้รับใบรับรองผลการตรวจเลือก (สด.๔๓) จากประธานกรรมการ หากไม่ไปแสดงตนก็จะมีความผิดเหมือนกันบุคคลทั่วไป เมื่อจบการศึกษาแล้ว จะต้องแจ้งต่อนายอำเภอท้องที่ภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันจบการศึกษา ผู้ที่ขอผ่อนผัน หากในวันตรวจเลือกฯ ประสงค์จะขอเข้าตรวจเลือกก็ให้ยื่นคำร้องขอสละสิทธิเพื่อเข้ารับการตรวจ เลือกภายในเวลา ๑๒.๐๐ น.ของวันตรวจเลือก

การยกเว้น
                 
การยกเว้น มี  ๒ ประเภท คือ
                  ๑. ยกเว้นไม่ต้องเข้ารับราชการกองประจำการ  (ยกเว้นให้ตลอดไป) คือ
                                    ๑.๑ พระภิกษุที่มีสมณศักดิ์ หรือที่เป็นเปรียญและนักบวชในพระพุทธศาสนาแห่งนิกายจีนหรือ ญวนที่มีสมณศักดิ์
พระภิกษุที่มีสมณศักดิ์ หมายถึง ยศของพระ เช่น เป็นพระครู   พระชั้นเทพหรือชั้นธรรม เป็นต้น
ส่วนตำแหน่งของพระ   เช่น เป็นเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ อย่างนี้เป็นตำแหน่ง ไม่ใช่สมณศักดิ์ จึงไม่ได้รับการยกเว้น  
พระภิกษุที่มีสมณศักดิ์อาจไม่มีตำแหน่งก็ได้
พระภิกษุที่เป็นเปรียญ หมายถึง การศึกษาของพระ เช่น เป็นเปรียญตั้งแต่ ๓ ประโยค  ถึง ๙ ประโยค
นักบวชในพระพุทธศาสนาแห่งนิกายจีนหรือญวนที่มีสมณศักดิ์นั้น หมายถึง ผู้ที่บวชในพระพุทธศาสนาเหมือนกัน ต่างกันที่ถือตามนิกายของจีนกับของญวน                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                            
นักบวชในพระพุทธศาสนาแห่งนิกายจีนหรือญวน ต้องมีสมณศักดิ์ด้วย จึงจะได้รับการยกเว้น
                                    ๑.๒ คนพิการทุพพลภาพซึ่งไม่สามารถเป็นทหารได้
                  ๒. ยกเว้นไม่เรียกมาเข้ารับการตรวจเลือกในยามปกติ  คือ
                                    ๒.๑ พระภิกษุสามเณรซึ่งเป็นนักธรรม
พระภิกษุสามเณรซึ่งเป็นนักธรรม หมายถึง ผู้ที่จบนักธรรมตรี นักธรรมโท และนักธรรมเอก เมื่อยื่นเรื่องขอยกเว้นและได้รับการยกเว้นแล้ว ไม่ต้องไปแสดงตนเข้ารับการตรวจเลือกฯ ถ้ายื่นไม่ทันก่อนการตรวจเลือก จะนำหลักฐานไปยื่นขอรับการยกเว้นต่อคณะกรรมการตรวจเลือกในวันทำการตรวจเลือก ก็ได้ หลักฐานที่ต้องนำไปยื่นต่อนายอำเภอเพื่อขอยกเว้น ได้แก่
                  - ประกาศนียบัตรจบนักธรรม
                  - ใบสำคัญ(แบบ สด.๙)
                  - หมายเรียก(แบบ สด.๓๕)
                  - หนังสือรับรองของเจ้าอาวาส
                  - หนังสือสุทธิ
                                    ๒.๒     ผู้อยู่ในระหว่างการฝึกวิชาทหาร (ยังไม่จบ รด.ปี ๓)
การขอยกเว้นให้สถานศึกษาจัดทำบัญชีผู้ซึ่งอยู่ในกำหนดต้องเรียกมาตรวจเลือกฯ ส่ง สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม และ นรด. ภายในเดือนตุลาคมของทุกปี หลักฐานเป็นหน้าที่ของกระทรวงกลาโหมจะแจ้งไปยังจังหวัดภูมิลำเนาทหารของผู้ นั้น ให้จัดการยกเว้นให้ แล้วผู้นั้นไม่ต้องไปเข้ารับการตรวจเลือก
                                    ๒.๓     ครูในสถานศึกษา
ครูซึ่งประจำทำการสอนหนังสือหรือวิชาการต่าง ๆ ที่อยู่ในความควบคุมของกระทรวง ทบวง กรม หรือราชการส่วนท้องถิ่น รวมถึงครูอัตราจ้างด้วย แต่ครูไม่ได้รับการยกเว้นทุกคน   ครูที่จะมีสิทธิได้รับการยกเว้นจะต้องเข้าลักษณะตามที่กำหนด ดังนี้
                  เป็นครูประจำทำการสอนนักเรียน นิสิต หรือนักศึกษา ไม่น้อยกว่า ๑๕ คนเป็นปกติและในจำนวนนักเรียน นิสิต หรือนักศึกษาไม่น้อยกว่า ๑๕ คนนี้ ยกเว้นครูได้คนเดียว หรือเป็นครูสอนประจำเฉพาะวิชาซึ่งทำการสอนนักเรียน นิสิต หรือนักศึกษาไม่น้อยกว่า ๑๕ คนเป็นปกติ และในจำนวนนักเรียน นิสิต หรือนักศึกษาไม่น้อยกว่า ๑๕ คนนี้   ก็ยกเว้นครูได้คนเดียวเช่นกัน
มีเวลาสอนสัปดาห์ละไม่น้อยกว่า ๑๘ ชั่วโมง สำหรับครูซึ่งประจำทำการสอนในสถานศึกษาตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาลงมา   หรือไม่น้อยกว่า ๑๕ ชั่วโมง สำหรับครูซึ่งประจำทำการสอนในสถานศึกษาระดับสูงกว่ามัธยมศึกษา
                  วิธีการยกเว้นครู
                  ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องส่งรายชื่อครูซึ่งจะได้รับการยกเว้นไปยังผู้ว่า ราชการกรุงเทพมหานคร หรือผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งครูผู้นั้นทำการสอนอยู่ในท้องที่ก่อนเดือนเมษายนของปีที่ถูกเรียกไม่น้อยกว่าหกสิบวัน  เว้นแต่กรณีการย้ายไปประจำทำการสอนในสถานศึกษาอื่นนอกจากที่กำหนดไว้ในใบ สำคัญยกเว้นครู ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องส่งรายชื่อครูที่ย้ายมาประจำทำการสอนซึ่งจะได้ รับ การยกเว้นน้อยกว่าหกสิบวันได้ แต่ต้องก่อนการตรวจเลือกในจังหวัดที่เป็นภูมิลำเนาทหารของครูผู้นั้น
ให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หรือผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นผู้ออกใบสำคัญ     ยกเว้นครูให้แก่ครูซึ่งทำการสอนอยู่ในท้องที่ แล้วแจ้งให้ผู้อำนวยการเขตหรือนายอำเภอท้องที่ที่เป็น   ภูมิลำเนาทหารของครูผู้นั้นทราบ ถ้าครูผู้นั้นมีภูมิลำเนาทหารอยู่ในท้องที่จังหวัดอื่น ต้องแจ้งให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หรือผู้ว่าราชการจังหวัดแห่งท้องที่ที่เป็นภูมิลำเนาทหารของครูผู้นั้นทราบ   แล้วให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หรือผู้ว่าราชการจังหวัดที่ได้รับแจ้งแจ้งให้ผู้อำนวยการเขตหรือนายอำเภอ ท้องที่ที่เป็นภูมิลำเนาทหารของครูผู้นั้นทราบอีกต่อหนึ่ง ทั้งนี้ให้แจ้งต่อกันภายในกำหนด ๓๐ วัน
                                    ๒.๔ ผู้ได้สัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติ
เป็นบุคคลที่ได้แปลงสัญชาติเป็นคนไทยตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่จะทราบว่าเป็นบุคคลประเภทนี้ตั้งแต่ไปแสดงตนขอลงบัญชีทหารกอง เกินแล้ว จะจัดการยกเว้นให้ทันทีโดยตัวไม่ต้อง ขอยกเว้นอีก
                                    ๒.๕ บุคคลซึ่งได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกครั้งเดียวตั้งแต่ ๑๐ ปีขึ้นไปหรือเคยได้รับโทษจำคุกโดยคำ พิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกหลายครั้งรวมกันตั้งแต่ ๑๐ ปีขึ้นไปหรือเคยถูกศาลพิพากษาให้กักกัน


การตรวจโรคทหารกองเกินก่อนการตรวจเลือกทหารฯ

                  ขอให้ทหารกองเกินที่จะต้องเข้ารับการตรวจเลือกทหารฯ ใน   เม.ย.๕๘   ที่สงสัยว่าตนเองมีโรคที่น่าจะขัดต่อการรับราชการทหารกองประจำการ ไปเข้ารับการตรวจโรคก่อนการตรวจเลือก ณ โรงพยาบาลทหารตามที่กองทัพบกกำหนด ไว้ จำนวน ๒๐ แห่ง   ตั้งแต่ ๑ ต.ค.๕๗ เป็นต้นไปจนถึง   ๒๐ ก.พ. ๕๘ ซึ่งโรงพยาบาลจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโรคไว้เป็น การเฉพาะ และทำให้ทหารกองเกินทราบได้ได้ล่วงหน้าก่อนวันทำการตรวจเลือกว่าเป็นโรคที่ ขัดต่อการรับราชการทหารหรือไม่    
โรคที่ควรไปเข้ารับการตรวจ ได้แก่ โรคที่เกี่ยวกับความผิดปกติของ ตา , หู , โรคหัวใจและหลอดเลือด , โรคเลือดและอวัยวะสร้างเลือด , โรคของระบบหายใจ , โรคของระบบปัสสาวะ , โรคหรือความผิดปกติของกระดูก , ข้อ และกล้ามเนื้อ ,  โรคของต่อมไร้ท่อ  และภาวะผิดปกติของเมตะบอลิสัม ,โรคติดเชื้อ ,  โรคทางประสาทวิทยา ,  โรคทางจิตเวช และโรคอื่น ๆ  เช่น ตับแข็ง เป็นต้น
โรงพยาบาลสังกัด กองทัพบก   ๒๐   แห่ง   ได้แก่

ส่วนกลาง : รพ.พระมงกุฎเกล้า (กรุงเทพฯ) , รพ.อานันทมหิดล (ลพบุรี) ,       รพ.ค่ายธนะรัชต์ (ประจวบคีรีขันธ์)  และ รพ.โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าฯ (นครนายก)
ทภ.๑ : รพ.ค่ายจักรพงษ์ (ปราจีนบุรี) , รพ.ค่ายสุรสีห์ (กาญจนบุรี) , รพ.ค่ายอดิศร (สระบุรี) และ รพ.ค่ายนวมินทราชินี (ชลบุรี)
ทภ.๒ : รพ.ค่ายสุรนารี (นครราชสีมา) , รพ.ค่ายสรรพสิทธิประสงค์(อุบลราชธานี) , รพ.ค่ายประจักษ์ศิลปาคม (อุดรธานี ) , รพ.ค่ายวีรวัฒน์โยธิน (สุรินทร์) และ รพ.ค่ายกฤษณ์สีวะรา (สกลนคร)
ทภ.๓ : รพ.ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (พิษณุโลก) , รพ.ค่ายจิรประวัติ (นครสวรรค์) , รพ.ค่ายสุรศักดิ์มนตรี (ลำปาง) และ รพ.ค่ายกาวิละ (เชียงใหม่)
ทภ.๔ : รพ.ค่ายวชิราวุธ (นครศรีธรรมราช), รพ.ค่ายเสนาณรงค์ (สงขลา) และ รพ.ค่ายอิงคยุทธบริหาร (ปัตตานี)
เอกสาร ที่ต้องนำไปแสดง ได้แก่ บัตรประจำตัวประชาชน ใบสำคัญ(แบบ สด.๙),หมายเรียกเข้ารับราชการทหาร  (แบบ สด.๓๕)และหลักฐานการเปลี่ยนชื่อตัว – ชื่อสกุล ฉบับจริงพร้อมสำเนา


เรื่องสิทธิลดวันรับราชการทหาร

                  บุคคลที่สามารถใช้สิทธิลดวันรับราชการทหารได้ มีดังนี้
                  ๑. ข้าราชการกลาโหมพลเรือนชั้นสัญญาบัตร, ข้าราชการตุลาการ, ดะโต๊ะยุติธรรม, ข้าราชการอัยการ, ข้าราชการฝ่ายตุลาการซึ่งเป็นข้าราชการธุรการชั้นตรีหรือเทียบเท่า, ข้าราชการพลเรือนชั้นตรีหรือเทียบเท่า, พนักงานเทศบาลชั้นตรีหรือเทียบเท่า, ผู้สำเร็จชั้นอุดมศึกษาหรือสำเร็จการศึกษาจากต่างประเทศ   ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการรับรองวิทยาฐานะเทียบเท่า
จับสลากถูกเป็นทหาร ๑ ปี ถ้าสมัครเป็นเพียง ๖ เดือน            
                  ๒. ผู้สำเร็จชั้นเตรียมอุดมศึกษาปีที่ ๒ หรือเทียบเท่า, ผู้สำเร็จจาก ร.ร.อาชีวศึกษาชั้นสูงของ   กระทรวงศึกษาธิการ, ผู้สำเร็จวิชาชีพ หลักสูตรไม่น้อยกว่า ๓ ปี จาก ร.ร.อาชีวะที่กระทรวงศึกษาธิการรับรองและรับจากผู้สำเร็จ ม.ศ.๓ ผู้สำเร็จประโยคมัธยมศึกษาตอนปลาย ตั้งแต่ ๒ ชั้นขึ้นไป        
จับสลากถูกเป็นทหาร ๒ ปี ถ้าสมัครเป็นเพียง ๑ ปี
                  ๓. ผู้สำเร็จการฝึกวิชาทหาร
                                    ชั้นปีที่ ๑ เข้าจับสลากเป็นทหาร ๑ ปี ๖ เดือน ถ้าสมัครเป็นเพียง ๑ ปี
                                    ชั้นปีที่ ๒ เข้าจับสลากเป็นทหาร ๑ ปี ถ้าสมัครเป็นเพียง ๖ เดือน
                                    ชั้นปีที่ ๓ ขึ้นทะเบียนและนำปลดเป็นทหารกองหนุนประเภทที่ ๑ (ไม่ต้องไปเข้ารับการตรวจเลือก)
                  ๔. ผู้สำเร็จการฝึกวิชาทหารจากต่างประเทศ ต้องให้กระทรวงกลาโหมรับรองเทียบกับผู้สำเร็จการฝึกวิชาทหารของ รด. ก่อน แล้วจึงขอรับสิทธิตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
           
                  คำเตือน
                  การขอสิทธิลดวันรับราชการทหาร ต้องนำหลักฐานแสดงคุณวุฒิพิเศษโดยยื่นต่อคณะกรรมการตรวจเลือกในวันตรวจเลือก โดยทำคำร้องไว้พร้อมทั้งขอใบรับหลักฐานจากเจ้าหน้าที่ด้วย
ผู้เข้ารับการตรวจเลือก จะได้ใบรับรองผลการตรวจเลือกฯ (แบบ สด.๔๓) จากประธานกรรมการในวันตรวจเลือกทุกคน
ขอ ให้ทหารกองเกินที่จะต้องเข้าตรวจเลือก ฯ ใน เม.ย. ๕๗ ไปรับหมายเรียกได้ ณ  หน่วยสัสดีเขต/อำเภอที่เป็นภูมิลำเนาทหารตามใบสำคัญ (แบบ สด ๙)

ขั้นตอนการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ากองประจำการ


              ขั้นตอนการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ากองประจำการ (การเกณฑ์ทหาร)
              ใน วันตรวจเลือกทหารกองเกิน (วันเกณฑ์ทหาร) เวลา ๐๗.๐๐ น. ทหารกองเกินที่ได้รับหมายเรียก (แบบ สด.๓๕) แล้วทุกคนเข้าแถวตามตำบล เคารพธงชาติ ประธานกรรมการตรวจเลือกทหาร ชี้แจงความจำเป็นถึงการตรวจเลือกทหาร เมื่อประธานกรรมการชี้แจงเสร็จ  กรรมการสัสดีจะชี้แจงถึงขั้นตอนการปฏิบัติในการตรวจเลือกทหาร รวมทั้งสิทธิต่าง ๆ ของผู้ถูกเข้ารับราชการทหารกองประจำการ คือ ผู้ที่สมัครหรือผู้ที่จับสลากแดงได้ ซึ่งมีขั้นตอนการปฏิบัติ ดังนี้
              โต๊ะที่ ๑ เรียกชื่อ    กรรมการจะเรียกชื่อทหารกองเกินเข้ารับการตรวจเลือก
              โต๊ะที่ ๒ ตรวจร่างกาย    กรรมการแพทย์จะตรวจร่างกายว่าสมบูรณ์ดีหรือไม่
กรรมการสัสดีกำหนดคนเป็น ๔ จำพวก คือ
          จำพวกที่ ๑ คนร่างกายสมบูรณ์ดี
          จำพวกที่ ๒ คนที่ร่างกายไม่สมบูรณ์ดีเหมือนคนจำพวกที่ ๑ แต่ไม่ถึงกับทุพพลภาพ
          จำพวกที่ ๓ คนที่ได้รับอุบัติเหตุหรือมีโรครักษาให้หายไม่ได้ภายใน ๓๐ วัน
          จำพวกที่ ๔   คนที่ร่างกายพิการทุพพลภาพ หรือมีโรคที่กฎหมายกำหนดให้ไม่ต้องเข้ารับราชการทหาร
              โต๊ะที่ ๓ วัดขนาด    กรรมการจะวัดขนาดสูงและขนาดรอบตัวของร่างกาย
ประธานการตรวจเลือกทหาร จะตรวจสอบขั้นสุดท้าย ถ้าร่างกายสมบูรณ์ดีและขนาดสูง ๑ เมตร ๖๐ เซนติเมตร ขนาดรอบตัว ๗๖ เซนติเมตร ในเวลาหายใจออกเรียกว่าคนได้ขนาด และจะให้รอจับสลาก เมื่อมีคนได้ขนาดพอกับยอดจำนวนที่ต้องการคนเข้ากองประจำการ  ทหารกองเกินที่มีขนาดสูงต่ำกว่า ๑ เมตร ๖๐ เซนติเมตร ขนาดรอบตัวต่ำกว่า ๗๖ เซนติเมตร ในเวลาหายใจออก และคนจำพวกที่ ๒,๓,๔ ซึ่งร่างกายไม่สมบูรณ์ดีหรือร่างกายพิการทุพพลภาพหรือมีโรคที่ขัดต่อการเป็น ทหารกองประจำการ   ประธานกรรมการจะปล่อยตัวพร้อมกับมอบใบรับรองผลการตรวจเลือก (แบบ สด.๔๓) ให้ทหารกองเกินรับไป
ทหารกองเกินหรือบุคคลที่จับสลากแดงหรือสมัครเข้า เป็นทหารกองประจำการ   ประธานกรรมการตรวจเลือกจะส่งตัวให้นายอำเภอ/ผู้อำนวยการเขต ออกหมายนัดให้ไปเข้ารับราชการทหารตามผลัดที่จับสลากได้ หรือผลัดที่สมัครไว้

นอกจากนี้คุณสามารถ download แผ่นพับคำอธิบายต่างๆได้จากที่นี่

http://www.sussadee.com/PR/A401.pdf

คำแนะนำเรื่องเอกสารต่างๆ โปรดอ่านจากที่นี่

http://www.engrdept.com/Burachat/sadsadee_army.htm

ข้อแนะนำการติดต่อราชการที่ทำการสัสดีเขต/อำเภอ


การลงบัญชีทหารกองเกิน (การขึ้นทะเบียนทหาร)
      บุคคลที่มีสัญชาติไทยเมื่ออายุ ๑๗ ปีบริบูรณ์ ต้องไปลงบัญชีทหารกองเกิน (ขึ้นทะเบียนทหาร) ตามภูมิลำเนาของบิดา   ถ้าบิดาถึงแก่กรรมให้ลงบัญชีทหารกองเกินตามภูมิลำเนาของมารดา   ถ้าบิดา มารดาถึงแก่กรรมให้ลงบัญชีทหารกองเกิน ตามภูมิลำเนาของผู้ปกครองและเมื่อลงบัญชีทหารกองเกินเสร็จแล้วจะได้รับใบ สำคัญ (แบบ สด.๙) โดยนำหลักฐานไปลงบัญชีทหารดังนี้
      ๑. บัตรประจำตัวประชาชน
      ๒. สำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน
      ๓. สูติบัตร (ถ้ามี)
การรับหมายเรียกเข้ารับราชการทหาร
      บุคคลที่ได้ลงบัญชีทหารกองเกิน (ขึ้นทะเบียนทหารฯ)ไว้แล้ว เมื่ออายุ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ต้องไปรับหมายเรียกเข้ารับราชการทหาร (แบบ สด.๓๕) ภายในปี พ.ศ.นั้น ๆ กรณีมอบอำนาจให้บุคคลอื่นไปรับหมายเรียกแทน   จะต้องมีหนังสือมอบอำนาจ และนำหลักฐานไปยืนต่อนายอำเภอ/ผู้อำนวยการเขต/ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำ กิ่งอำเภอ ดังนี้
      ๑. ใบสำคัญ (แบบ สด.๙)
      ๒. บัตรประจำตัวประชาชน
การเปลี่ยนชื่อตัวหรือชื่อสกุล
      บุคคลซึ่งเป็นทหารกองเกินหรือทหารกองหนุน เมื่อได้เปลี่ยนชื่อตัวหรือชื่อสกุล ต้องไปยื่นคำร้องขอเปลี่ยนชื่อตัว ชื่อสกุล ในบัญชีทหารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องโดยนำหลักฐานไปยื่นต่อนายอำเภอ/ผู้อำนวยการเขต/ปลัดอำเภอผู้ เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอ ดังนี้
      ๑. ใบสำคัญ (แบบ สด.๙) หรือหนังสือสำคัญ (แบบ สด.๘)
      ๒. หนังสือสำคัญการเปลี่ยนชื่อตัว, ชื่อสกุล
         ๓. บัตรประจำตัวประชาชน
      ๔. สำเนาทะเบียนบ้าน

       
ใบสำคัญ (แบบ สด.๙) และหนังสือสำคัญ (แบบ สด.๘) แทนฉบับที่ชำรุดหรือสูญหาย
      เมื่อใบสำคัญ (แบบ สด.๙) หรือหนังสือสำคัญ (แบบ สด.๘) ชำรุดหรือสูญหายให้ผู้ถือใบสำคัญ (แบบ สด.๙) หรือหนังสือสำคัญ (แบบ สด.๘) แจ้งต่อนายอำเภอ/ผู้อำนวยการเขต/ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอ ท้องที่ภูมิลำเนาทหาร โดยนำหลักฐานไปด้วยดังนี้
      ๑. บัตรประจำตัวประชาชน
      ๒. ใบรับแจ้งเอกสารหาย
      ๓. รูปถ่ายหน้าตรงไม่สวมหมวก ไม่สวมแว่น ขนาด ๓x๔ ซม. จำนวน ๓ รูป กรณีขอหนังสือ     สำคัญ (แบบ สด.๘)
การแจ้งย้ายภูมิลำเนาทหาร
      บุคคลใดย้ายไปอยู่ที่ใหม่มีถิ่นที่อยู่เป็นหลักฐาน และมีความประสงค์จะย้ายภูมิลำเนาทหาร ให้ยื่นคำร้องแจ้งต่อนายอำเภอ/ผู้อำนวยการเขต/ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำ กิ่งอำเภอท้องที่ที่ย้ายเข้าไปอยู่ใหม่ โดยนำหลักฐานไปด้วยดังนี้
      ๑. ใบสำคัญ (แบบ สด.๙) หรือหนังสือสำคัญ (แบบ สด.๘)
      ๒. บัตรประจำตัวประชาชน
      ๓. สำเนาทะเบียนบ้าน
การผ่อนผันการตรวจเลือกทหารหรือการเกณฑ์ทหาร
      ๑. การผ่อนผันการตรวจเลือกทหารเพื่อเลี้ยงดูบิดา มารดา
         บุคคลที่ต้องการขอผ่อนผันการเกณฑ์ทหาร เพื่อเลี้ยงดูบิดา มารดา ซึ่งไร้ความสามารถหรือพิการทุพพลภาพ หรือชราจนหาเลี้ยงชีพไม่ได้และไม่มีผู้อื่นเลี้ยงดู ให้ดำเนินการขอผ่อนผันดังนี้
        ๑.๑   ถ้ามีบุตรต้องเกณฑ์ทหารพร้อมกันหลายคน ให้บิดา มารดาเลือกเพียงคนเดียว
        ๑.๒ บุคคลที่ต้องการขอผ่อนผันการเกณฑ์ทหารยื่นคำร้องต่อนายอำเภอ/ผู้อำนวยการ เขต/ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอ ก่อนวันเกณฑ์ทหารไม่น้อยกว่า ๓๐ วัน
        ๑.๓ บุคคลที่ต้องการขอผ่อนผันการเกณฑ์ทหารต้องร้องขอผ่อนผันต่อคณะกรรมการตรวจเลือกในวันตรวจเลือกอีกครั้งหนึ่ง
       ๑.๔ หลักฐานที่ต้องนำไปแสดงการขอผ่อนผัน
        ๑.๔.๑ ใบสำคัญ (แบบ สด.9)
        ๑.๔.๒ หมายเรียก (แบบ สด.35)
        ๑.๔.๓ บัตรประจำตัวประชาชนของตนเอง/บิดาหรือมารดา
        ๑.๔.๔ สำเนาทะเบียนบ้าน
        ๑.๔.๕ หลักฐานที่แสดงว่า บิดาหรือมารดาเป็นคนไร้ความสามารถหรือพิการทุพพลภาพ
        ๑.๔.๖ หลักฐานอื่นที่มีและเกี่ยวข้อง
      ๒.   การผ่อนผันการตรวจเลือกทหารเพื่อเลี้ยงดูบุตร
            บุคคลที่ต้องการขอผ่อนผันการเกณฑ์ทหารเพื่อเลี้ยงดูบุตรซึ่งมารดาตายหรือไร้ ความสามารถ หรือพิการทุพพลภาพ ซึ่งบุตรยังหาเลี้ยงชีพไม่ได้ หรือไม่มีผู้อื่นเลี้ยงดู ให้ดำเนินการขอผ่อนผันดังนี้
        ๒.๑ ยื่นคำร้องขอผ่อนผันต่อนายอำเภอ/ผู้อำนวยการเขต/ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้า ประจำกิ่ง อำเภอ ก่อนถึงวันเกณฑ์ทหาร/ตรวจเลือกทหารไม่น้อยกว่า ๓๐ วัน
        ๒.๒ ร้องขอต่อคณะกรรมการตรวจเลือกทหาร ในวันตรวจเลือกทหาร/วันเกณฑ์ทหารอีกครั้งหน้า
            ๒.๓ หลักฐานที่ต้องนำไปยื่นคำร้องขอผ่อนผันมีดังนี้
                  ๒.๓.๑ ใบสำคัญ (แบบ สด.๙)
                  ๒.๓.๒ หมายเรียก (แบบ สด.๓๕)
                  ๒.๓.๓ บัตรประจำตัวประชาชนของตนเอง/ภรรยา
                  ๒.๓.๔ สำเนาทะเบียนบ้าน
                  ๒.๓.๕ ใบสำคัญการสมรส/ทะเบียนสมรส
                  ๒.๓.๖ ใบมรณบัตรของภรรยา (ถ้ามี)
                  ๒.๓.๗ หลักฐานที่แสดงว่าภรรยาไร้ความสามารถหรือพิการทุพพลภาพ
                  ๒.๓.๘ หลักฐานอื่นที่มีและเกี่ยวข้อง (ถ้ามี)
      ๓.   การขอผ่อนผันการตรวจเลือกทหารเพื่อเลี้ยงดูพี่หรือน้อง
            บุคคลที่ต้องการขอผ่อนผันการเกณฑ์ทหารเพื่อเลี้ยงดูพี่หรือน้องร่วมบิดา มารดา หรือร่วมแต่บิดาหรือมารดา ซึ่งบิดา มารดาตาย ทั้งนี้พี่หรือน้องหาเลี้ยงชีพไม่ได้และไม่มีผู้อื่นเลี้ยงดู ให้ดำเนินการขอผ่อนผัน ดังนี้
        ๓.๑   ยื่นคำร้องขอผ่อนผันต่อนายอำเภอ/ผู้อำนวยการเขต/ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้า ประจำกิ่งอำเภอก่อนถึงวันตรวจเลือก/วันเกณฑ์ทหารไม่น้อยกว่า ๓๐   วัน
            ๓.๒ ร้องขอต่อคณะกรรมการตรวจเลือกในวันตรวจเลือก (วันเกณฑ์ทหาร) อีกครั้งหนึ่ง
            ๓.๓ หลักฐานที่ต้องนำไปยื่นคำร้องขอผ่อนผันมีดังนี้
                  ๓.๓.๑ ใบสำคัญ (แบบ สด.๙)
                  ๓.๓.๒ หมายเรียก (แบบ สด.๓๕)
                  ๓.๓.๓ บัตรประจำตัวประชาชนของตนเอง/พี่/น้อง
                  ๓.๓.๔ ใบสูติบัตร/ใบเกิด ของพี่หรือน้อง
                  ๓.๓.๕ สำเนาทะเบียนบ้าน
                  ๓.๓.๖ ใบมรณบัตรของบิดาหรือมารดา
                  ๓.๓.๗ หลักฐานที่แสดงว่า บิดา มารดาเป็นคนไร้ความสามารถหรือพิการทุพพลภาพ
                  ๓.๓.๘ หลักฐานอื่นที่มีและเกี่ยวข้อง
      ๔.   การผ่อนผันการตรวจเลือกทหารเพื่อศึกษาภายในประเทศ
               การผ่อนผันเนื่องจากอยู่ระหว่างการศึกษาภายในประเทศ เป็นการผ่อนผันให้เนื่องจากมีจำนวนคนมากกว่าจำนวนคนที่หน่วยทหารต้องการ ซึ่งได้แก่
        ๔.๑   นักเรียนโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายหรือมัธยมศึกษาชั้นปีที่ ๖ ( ม.๖ ) หรือเทียบเท่า จะได้รับ การผ่อนผันจนสำเร็จระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.๖) หรือเทียบเท่า แต่อายุไม่เกิน ๒๒ ปีบริบูรณ์
        ๔.๒ นิสิตหรือนักศึกษามหาวิทยาลัยของรัฐ สถาบันการศึกษาของรัฐหรือสถาบันอุดมศึกษาเอกชน จะผ่อนผันให้ศึกษาที่ไม่สูงกว่าระดับปริญญาโท และจนถึงอายุครบ ๒๖ ปีบริบูรณ์แต่สำหรับการศึกษาภาคนอกเวลาหรือภาคสมทบ หรือนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหงและมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชต้องมีผล การศึกษาสอบไล่ได้ภาคละไม่น้อยกว่า ๙ หน่วยกิต ทุกภาคติดต่อกัน

            ให้ผู้ที่ต้องการขอผ่อนผันดำเนินการดังนี้

            ๑.   ยื่นคำร้องขอผ่อนผันต่อสถานศึกษาที่ศึกษาอยู่
            ๒. ไปเข้ารับการตรวจเลือกเพื่อใช้สิทธิ์การผ่อนผันการตรวจเลือกทหารในวันตรวจเลือก
            ๓. หลักฐานที่ใช้ประกอบในการขอผ่อนผัน คือ
          ๓.๑ ใบสำคัญ ( แบบ สด.๙ )
          ๓.๒ หมายเรียก ( แบบ สด.๓๕ )
          ๓.๓ บัตรประจำตัวประชาชน  
      ๕.   การขอผ่อนผันการตรวจเลือกทหารเพื่อไปศึกษาวิชา ณ   ต่างประเทศ
           การผ่อนผันการเกณฑ์ทหารเนื่องจากไปศึกษาวิชา ณ ต่างประเทศจะได้รับการผ่อนผันการตรวจเลือกทหารตามจำนวนปีที่ใช้การศึกษาตาม หลักสูตรจนกว่าจะจบการศึกษา แล้วยกเว้นให้ไม่ต้องมาแสดงตนในวันตรวจเลือกเกณฑ์ทหารโดยมีขั้นตอนการขอ ผ่อนผันดังนี้
        ๕.๑ ให้นักเรียนผู้ขอผ่อนผันหรือมอบอำนาจให้บิดา มารดา หรือ ผู้ปกครอง ยื่นคำร้องขอผ่อนผันต่อนายอำเภอ/ผู้อำนวยการเขต/ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้า ประจำกิ่งอำเภอท้องที่ภูมิลำเนาทหาร
            ๕.๒ หลักฐานที่จะต้องนำไปยื่นคำร้องขอผ่อนผันทหาร
                  ๕.๒.๑ ใบสำคัญ (แบบ สด.๙)
            ๕.๒.๒ หมายเรียก (แบบ สด.๓๕)
            ๕.๒.๓ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ขอผ่อนผันของผู้ยื่นคำร้องขอผ่อนผันแทน
       ๕.๒.๔ สำเนาทะเบียนบ้าน
            ๕.๒.๕ หนังสือรับรองของสถานศึกษาพร้อมสำเนาคำแปลเป็นภาษาไทย
      ๕.๒.๖ หนังสือรับรองของสถานฑูตหรือสถานกงสุลไทย ณ ประเทศที่ไปศึกษา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น